มรดกอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพระกริ่งนเรศวรวังจันทร์
สายสกุลอันศักดิ์สิทธิ์
ธรรมเนียมการสร้างพระกริ่งนเรศวร
เพื่อทำความเข้าใจถึงความสำคัญของพระกริ่งนเรศวร จำเป็นต้องศึกษาถึงรากฐานทางวัฒนธรรมอันเป็นที่มาของการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากความเคารพศรัทธาในองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผสานกับบารมีทางศาสนาของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร และธรรมเนียมการสร้างพระกริ่งที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
ความสำคัญทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของพระกริ่ง
พระกริ่ง หรือ "พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต" เป็นพระพุทธเจ้าแห่งการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ มีต้นกำเนิดจากพุทธศาสนานิกายมหายาน ก่อนจะได้รับการยอมรับและผสานเข้ากับคติความเชื่อในพุทธศาสนาแบบไทย ลักษณะเด่นของพระกริ่งคือการบรรจุเม็ดกริ่งไว้ภายในองค์พระ เมื่อเขย่าจะเกิดเสียง "กริ่ง" ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเสียงมงคลที่ดังกังวานไปทั่วเพื่อประทานพรและปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย การสร้างพระกริ่งในประเทศไทยมีแบบแผนที่ชัดเจน โดยเฉพาะสายวัดสุทัศนเทพวรารามในสมัยสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นต้นแบบและมาตรฐานสำคัญในการจัดสร้างพระกริ่งยุคต่อมา รวมถึงพระกริ่งนเรศวรด้วย
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช: วีรกษัตริย์และองค์อุปถัมภ์ทางจิตวิญญาณ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นวีรกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงกอบกู้อิสรภาพของกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับเมืองพิษณุโลก ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติ ณ พระราชวังจันทร์ ความเชื่อมโยงนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้การจัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อระลึกถึงพระองค์ ณ สถานที่แห่งนี้มีความหมายและพลังทางจิตวิญญาณอย่างยิ่ง การอัญเชิญพระนามของพระองค์มาเป็นชื่อพระกริ่งนั้น เป็นการประสิทธิ์ประสาทพุทธคุณด้านชัยชนะ มหาอำนาจ และการปกป้องคุ้มครองให้แก่วัตถุมงคล
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พิษณุโลก: สถานอันศักดิ์สิทธิ์แห่งการสร้าง
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่รู้จักกันในนาม "วัดใหญ่" เป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และเป็นที่ประดิษฐานของ "พระพุทธชินราช" พระพุทธรูปที่ได้รับการยอมรับว่ามีความงดงามที่สุดในโลก การใช้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีเททองและพุทธาภิเษก ได้มอบความศักดิ์สิทธิ์และความชอบธรรมอันสูงสุดให้แก่วัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้น
การจำแนกสายสกุล: ภาพรวมของรุ่นสำคัญ
ในแวดวงนักสะสมมักเกิดความสับสนเกี่ยวกับพระกริ่งนเรศวร เนื่องจากมีการจัดสร้างขึ้นหลายวาระ แต่ละวาระมีความสำคัญและเอกลักษณ์แตกต่างกันไป รายงานฉบับนี้จะจำแนกรุ่นสำคัญที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ได้แก่ รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2507 หรือที่รู้จักในนาม "สะท้านไตรภพ", รุ่นปี พ.ศ. 2515 ที่มีชื่อเสียงที่สุดในนาม "พระกริ่งนเรศวรวังจันทร์" และรุ่นอนุสรณ์ในวาระต่อมา เช่น รุ่นปี พ.ศ. 2533 และ พ.ศ. 2548 การทำความเข้าใจความแตกต่างของแต่ละรุ่นเป็นกุญแจสำคัญในการศึกษาและสะสม
การเกิดขึ้นของพระกริ่งนเรศวรจึงมิใช่เป็นเพียงการสร้างวัตถุมงคลทั่วไป แต่เป็นการหลอมรวมสัญลักษณ์ 3 ประการอันเป็นเสาหลักของอัตลักษณ์ไทยเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ สถาบันพระมหากษัตริย์ (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช), พระพุทธศาสนา (วัดพระศรีรัตนมหาธาตุและคณะสงฆ์) และการปกป้องชาติ (พระราชกรณียกิจของวีรกษัตริย์) การผสมผสานนี้เป็นหัวใจที่ทำให้พระกริ่งนเรศวรทรงพลานุภาพและเป็นที่ปรารถนาอย่างไม่เสื่อมคลาย การครอบครองวัตถุมงคลรุ่นนี้จึงเปรียบเสมือนการมีเครื่องยึดเหนี่ยวที่เชื่อมโยงกับรากฐานแห่งพลังอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ของชาติ
พระกริ่งนเรศวรสะท้านไตรภพ"
บทนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดของพระกริ่งนเรศวรรุ่นแรกที่จัดสร้างขึ้นในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นที่ต้องการอย่างสูงในวงการนักสะสม
วัตถุประสงค์อันสูงส่ง: เพื่อการศึกษาของเยาวชนเมืองพิษณุโลก
การจัดสร้างพระกริ่งนเรศวรในปี พ.ศ. 2507 มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนเพื่อการกุศล คือการระดมทุนเพื่อก่อสร้างอาคารวิทยาศาสตร์ "ยรรยง สะท้านไตรภพ" พร้อมอุปกรณ์ ให้แก่โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม โครงการนี้ริเริ่มและดำเนินการโดยสมาคมศิษย์เก่าของโรงเรียน ซึ่งมี พล.ต.ต. ยรรยง สะท้านไตรภพ เป็นประธาน การมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการศึกษาได้เพิ่มพูนคุณค่าและบารมีให้กับการจัดสร้างในครั้งนี้
พิธีพุทธาภิเษกและคณาจารย์ผู้ปลุกเสก
พิธีเททองและพุทธาภิเษกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีสมเด็จพระวันรัต (ปุ่น ปุณฺณสิริ) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช) ทรงเป็นประธานในพิธี และมีพระอาจารย์ไสว สุมโน แห่งวัดราชนัดดาราม ผู้เชี่ยวชาญการสร้างพระกริ่งแห่งยุค เป็นเจ้าพิธีกรรม ในพิธีมีการอาราธนาพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณจากทั่วประเทศจำนวน 65 รูปมาร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิต อาทิ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อทบ วัดชนแดน และพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน เป็นต้น
มวลสารศักดิ์สิทธิ์และจำนวนการสร้าง
องค์พระหล่อหลอมจากเนื้อนวโลหะตามตำรับโบราณ ประกอบด้วยโลหะมงคล 9 ชนิด และชนวนมวลสารสำคัญคือแผ่นทอง แผ่นเงิน และแผ่นนาคกว่า 2,000 แผ่น ที่ผ่านการลงอักขระเลขยันต์และปลุกเสกโดยคณาจารย์ต่างๆ ตลอดไตรมาส (1 พรรษา) สำหรับพระกริ่งนเรศวร "สะท้านไตรภพ" ซึ่งเป็นพิมพ์ประธาน มีจำนวนการสร้างประมาณ 999 องค์เท่านั้น แต่มีข้อน่าสังเกตสำหรับนักสะสมคือ ในจำนวนนี้มีเพียง 500-700 องค์ที่ได้รับการตอกโค้ด ทำให้องค์ที่มีโค้ดมีความหายากและมูลค่าสูงกว่า
พุทธศิลป์และลักษณะพิมพ์
พระกริ่งนเรศวร ปี 2507 สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายพิมพ์ โดยพิมพ์หลักที่มีมูลค่าการสะสมสูงสุดคือ "พระกริ่งนเรศวรสะท้านไตรภพ" ซึ่งจำแนกตามลักษณะของสังฆาฏิได้ 3 พิมพ์ย่อย ได้แก่
พิมพ์สังฆาฏิหางปลาทู
พิมพ์สังฆาฏิเขี้ยวตะขาบ
พิมพ์สังฆาฏิ 2 ชั้น ฐานบัวแต่ง
นอกจากนี้ ในพิธีเดียวกันยังได้จัดสร้างวัตถุมงคลอื่นๆ เพื่อให้สาธุชนทั่วไปได้มีโอกาสเช่าบูชาในราคาที่ย่อมเยาลงมา ที่สำคัญคือ "พระกริ่งนเรศวร พิมพ์พระพุทธอุ้มบาตร" ซึ่งมีทั้งเนื้อนวโลหะและเนื้อทองเหลือง การสร้างวัตถุมงคลในลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อกลุ่มเป้าหมาย โดยมีการสร้างวัตถุมงคลหลักจำนวนจำกัดสำหรับนักสะสมระดับสูง ควบคู่ไปกับวัตถุมงคลรองสำหรับสาธุชนทั่วไป กลยุทธ์ "การเข้าถึงแบบลำดับชั้น" นี้ทำให้โครงการสามารถระดมทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกันก็เป็นการกระจายความศักดิ์สิทธิ์ไปสู่ผู้คนในวงกว้าง บารมีของพระกริ่งรุ่นประธานที่หายากและมีราคาสูงได้ส่งผลให้วัตถุมงคลรุ่นรองที่ออกจากพิธีเดียวกันได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับตามไปด้วย
ข้อสังเกตและแนวทางการพิจารณา
จุดสำคัญในการพิจารณาพระแท้คือความคมชัดของโค้ด (หากมี), รายละเอียดของพิมพ์ทรง เช่น ลักษณะ "เขี้ยวตะขาบ" บริเวณบ่าขององค์พระ , เนื้อหาของโลหะผสมที่เก่าตามอายุ และเสียงเม็ดกริ่งที่ดังกังวาน สำหรับพระที่ไม่มีโค้ดนั้นจำเป็นต้องอาศัยความชำนาญของผู้เชี่ยวชาญในการพิจารณาเป็นพิเศษ
"จักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก" – พิธีกรรมแห่งยุคสมัย
บทนี้จะอธิบายถึงความยิ่งใหญ่และความสมบูรณ์พร้อมของพิธีกรรมในปี พ.ศ. 2515 ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ได้รับการยอมรับและศรัทธาอย่างสูงสุด
ประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่ของพิธีกรรม
พิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้ได้รับการขนานนามอย่างเป็นทางการว่า "จักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก" ซึ่งเป็นชื่อที่สงวนไว้สำหรับพิธีหลวงที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดเท่านั้น ในสมัยรัตนโกสินทร์เคยมีการจัดพิธีนี้เพียงไม่กี่ครั้ง ผู้จัดสร้างตั้งใจให้พิธีนี้มีความยิ่งใหญ่และสมบูรณ์เทียบเท่าหรือยิ่งใหญ่กว่าพิธีฉลอง 25 พุทธศตวรรษ ในปี พ.ศ. 2500 พิธีพุทธาภิเษกวาระสุดท้ายจัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2515 ณ พระวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ
สถาปนิกแห่งพิธีกรรม: คณะเจ้าพิธี
พิธีกรรมทั้งหมดได้รับการวางแผนและควบคุมอย่างพิถีพิถันโดยผู้เชี่ยวชาญด้านไสยเวทและพิธีกรรมพุทธาภิเษกที่เก่งที่สุดในยุคนั้นสองท่าน คือ พระอาจารย์ผ่อง จินดา วัดจักรวรรดิราชาวาส และอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร บรมครูฝ่ายฆราวาส การมีส่วนร่วมของทั้งสองท่านเป็นการรับประกันว่าทุกขั้นตอนของพิธีเป็นไปตามตำราโบราณอย่างถูกต้องสมบูรณ์ทุกประการ ส่วนผู้ออกแบบพุทธลักษณะขององค์พระคือ นายช่างสวน จามรมาน ซึ่งได้ถอดแบบความงามมาจากพระกริ่งสายวัดสุทัศน์ฯ อันเลื่องชื่อ
การรวมตัวของ 109 สุดยอดพระเกจิอาจารย์: ศูนย์รวมพลังแห่งจิต
พิธีนี้เป็นการรวมตัวของพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษจากทั่วประเทศมากถึง 109 รูป ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) ทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย และมีหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง เป็นประธานในการนั่งปรกบริกรรมปลุกเสก รายนามพระคณาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีเปรียบเสมือนการรวม "สุดยอดฝีมือ" แห่งยุคสมัยไว้ในที่เดียว อาทิ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม, หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม และอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา พลังจิตอันมหาศาลของคณาจารย์ทั้ง 109 รูปที่หลอมรวมกันในพิธีนี้ คือที่มาแห่งความขลังและความศักดิ์สิทธิ์อันเป็นตำนานของพระกริ่งรุ่นนี้
คุณค่าและความศักดิ์สิทธิ์ของพระกริ่งรุ่นปี 2515 ไม่ได้มาจากมวลสารเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก "ความสมบูรณ์แบบของกระบวนการ" ที่ได้รับการบันทึกไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน บันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ระบุทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกเจ้าพิธี การกำหนดฤกษ์ยาม ไปจนถึงรายนามพระเกจิอาจารย์ ทำหน้าที่เสมือน "หนังสือรับรองความศักดิ์สิทธิ์" ที่จับต้องได้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าในโลกของวัตถุมงคลระดับสูงนั้น
กระบวนการสร้างอันพิถีพิถัน (รุ่น พ.ศ. 2515)
บทนี้จะติดตาม "ชีวิต" ขององค์พระ ตั้งแต่การรวบรวมมวลสารดิบไปจนถึงการปลุกเสกครั้งสุดท้าย โดยอ้างอิงจากบันทึกอันละเอียดในเอกสาร
การเสกมวลสารศักดิ์สิทธิ์
กระบวนการเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2514 โดยคณะกรรมการได้นำแผ่นทองคำและแผ่นเงินไปถวายแด่พระเกจิอาจารย์ทั้ง 109 รูป เพื่อให้ท่านลงอักขระเลขยันต์ตามตำรับของแต่ละท่าน จากนั้น แผ่นชนวนทั้งหมดได้ผ่านการอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวโดยคณาจารย์แต่ละรูปเป็นเวลาครบ 7 วันเสาร์ และ 7 วันอังคาร ซึ่งตามคติโบราณถือเป็นวันแข็ง เหมาะสำหรับพิธีที่เน้นด้านมหาอำนาจและคงกระพันชาตรี หลังจากนั้น ชนวนทั้งหมดถูกนำไปถวายแด่สมเด็จพระสังฆราชและพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ เพื่อทรงเจิมและประทานพรอีกชั้นหนึ่ง เป็นการเพิ่มพูนความศักดิ์สิทธิ์ให้ถึงขีดสุด
พิธีเททอง ณ พระราชวังจันทร์
พิธีเททองหล่อพระกริ่งจัดขึ้น ณ บริเวณพระราชวังจันทร์ ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2514 การเลือกสถานที่นี้มีความหมายเชิงสัญลักษณ์อย่างยิ่งยวด พิธีกรรมเริ่มต้นด้วยการบวงสรวงดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในการหลอมโลหะได้ใช้ฟืนและถ่านจากไม้ราชพฤกษ์ซึ่งเป็นไม้มงคล ดินที่ใช้ทำเบ้าหลอมและสุมหุ่นนำมาจากดินใจกลางเมืองที่มีชื่อเป็นมงคลด้าน "ชัยชนะ" 5 แห่ง (เช่น ชัยนาท, ชัยบาดาล) และน้ำพระพุทธมนต์ที่ใช้ในพิธีก็มาจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทุกองค์ประกอบของพิธีล้วนถูกคัดสรรมาอย่างเจาะจงเพื่อเชื่อมโยงกับบารมีแห่งชัยชนะของพระองค์
กระบวนการสร้างพระกริ่งรุ่นปี 2515 นี้ แสดงให้เห็นถึงหลักการที่อาจเรียกว่า "จิตวิญญาณแห่งถิ่นกำเนิด" (Spiritual Terroir) ซึ่งคล้ายคลึงกับแนวคิดในการผลิตไวน์ชั้นเลิศ ทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่ดินสำหรับทำเบ้าหลอม, น้ำสำหรับประพรม, ไม้สำหรับเป็นเชื้อไฟ ไปจนถึงสถานที่ประกอบพิธี ล้วนถูกเลือกมาจากแหล่งที่มีประวัติศาสตร์และพลังงานเฉพาะตัวที่เชื่อมโยงกับ "ชัยชนะ" และ "สมเด็จพระนเรศวร" อย่างไม่อาจแยกจากกันได้ นี่คือความเชื่อที่ว่า "แก่นแท้" ทางจิตวิญญาณของสถานที่และวัตถุเหล่านั้นจะถูกถ่ายทอดและหลอมรวมเข้าไปในองค์พระ ทำให้วัตถุมงคลมี "พลังแห่งสถานที่" เป็นที่สถิตอยู่
การควบคุมหลังการหล่อและพิธีพุทธาภิเษกวาระสุดท้าย
หลังจากเททองเสร็จสิ้น พระกริ่งทั้งหมดถูกนำไปตกแต่งและเก็บรักษาไว้ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด ณ บ้านพักของนายกพุทธสมาคมจังหวัดพิษณุโลก เพื่อป้องกันการลักลอบสร้างพระเสริมหรือพระเก๊
บทนี้เป็นคู่มือเชิงปฏิบัติสำหรับนักสะสมในการจำแนกและตรวจสอบพระกริ่งนเรศวรวังจันทร์ รุ่นปี 2515
พุทธศิลป์โดยช่างสวน จามรมาน
พุทธลักษณะขององค์พระได้รับแรงบันดาลใจมาจาก "พระกริ่งเทพโมฬี" แห่งวัดสุทัศน์ฯ ซึ่งเป็นศิลปะที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง องค์พระประทับนั่งปางมารวิชัย พระหัตถ์ซ้ายทรงหม้อยาหรือวชิระตามแบบแผนของพระกริ่ง มีพุทธลักษณะที่งดงาม อ่อนช้อย แต่แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว รายละเอียดของพระพักตร์ การครองจีวร และสัดส่วนขององค์พระมีความสมดุลและลงตัว
การวิเคราะห์เนื้อนวโลหะ
องค์พระสร้างจากเนื้อนวโลหะตามสูตรของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ฯ ซึ่งประกอบด้วยโลหะมงคล 9 ชนิด ผิวของพระแท้ที่มีอายุหลายสิบปีจะปรากฏวรรณะที่เข้มขลัง มีความดำสนิทอมประกายมันวาว เมื่อส่องดูจะเห็นกระแสของโลหะต่างชนิดที่หลอมรวมกันอยู่ภายใน น้ำหนักและผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติคือหัวใจสำคัญในการพิจารณา
โค้ด หมายเลข และเครื่องหมายสำคัญ
พระกริ่งนเรศวรวังจันทร์ของแท้จะมีการตอกโค้ดและหมายเลขกำกับทุกองค์บริเวณใต้ฐาน รูปแบบของตัวเลขและตำแหน่งการตอกเป็นจุดตายที่สำคัญในการชี้ขาด ซึ่งนักสะสมต้องจดจำและเปรียบเทียบกับองค์ตัวอย่างที่ได้รับการยอมรับในวงการ หมายเลขที่กำกับองค์พระบางครั้งก็มีความเชื่อในเรื่องความเป็นมงคล เช่น ผลรวมของตัวเลขได้ 9 เป็นต้น
การใช้หมายเลขกำกับทุกองค์และการควบคุมการผลิตอย่างรัดกุมในปี 2515 ถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญเมื่อเทียบกับรุ่นปี 2507 ที่มีการตอกโค้ดไม่สม่ำเสมอ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของตลาดพระเครื่องที่เริ่มต้องการ "หลักฐานยืนยัน" ที่ตรวจสอบได้ นอกเหนือไปจากความศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากพิธีกรรม หมายเลขกำกับจึงเปรียบเสมือนระบบควบคุมคุณภาพสมัยใหม่ที่ถูกผนวกเข้ากับความเชื่อโบราณ เพื่อสร้างความมั่นใจและความโปร่งใสให้แก่นักสะสม
วัตถุมงคลร่วมพิธี
นักสะสมควรทราบว่าในพิธีจักรพรรดิ์มหาพุทธาภิเษกครั้งนี้ ไม่ได้มีการจัดสร้างเพียงพระกริ่งเท่านั้น แต่ยังมีวัตถุมงคลอื่นๆ อีกหลายรายการ เช่น พระชัยวัฒน์นเรศวรวังจันทร์, พระสังกัจจายน์เนื้อหยก, เหรียญพระพุทธชินราช และพระเครื่องเนื้อดินเผา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "พระชัยวัฒน์นเรศวรวังจันทร์" ซึ่งสร้างจำนวนน้อยมาก (ประมาณ 200-240 องค์) เพื่อมอบให้แก่คณะกรรมการและผู้มีอุปการคุณ ถือเป็นของคู่กันกับพระกริ่งและเป็นที่เสาะหาอย่างยิ่ง

ความคิดเห็น