พระกริ่งหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วัดบ้านไร่ รุ่นทิ้งทวน พ.ศ. ๒๕๓๖: การศึกษาเชิงลึก
พระกริ่งหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ วัดบ้านไร่ รุ่น "ทิ้งทวน" ที่จัดสร้างขึ้นในปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ ถือเป็นวัตถุมงคลสำคัญอีกรุ่นหนึ่งของพระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทฺโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา 1 พระกริ่งรุ่นนี้นอกจากจะมีความงดงามทางพุทธศิลป์แล้ว ยังแฝงไว้ด้วยเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจ ทั้งในด้านเจตนาการจัดสร้าง มวลสารที่ใช้ และพิธีกรรมพุทธาภิเษกอันเข้มขลัง ทำให้เป็นที่ปรารถนาของศิษยานุศิษย์และนักสะสมวัตถุมงคลโดยทั่วไป รายงานฉบับนี้จะทำการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพระกริ่งรุ่นทิ้งทวนในแง่มุมต่างๆ อย่างละเอียด เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจ
เปิดกรุพระกริ่งทิ้งทวน ๒๕๓๖: ความเป็นมา พุทธศิลป์ และพุทธคุณ โดย หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ
หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาบารมี เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ 4 วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกล้วนเป็นที่กล่าวขานในพุทธคุณ โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาดปลอดภัยและเมตตามหานิยม 6
พระกริ่งรุ่นทิ้งทวนนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจและเป็นมรดกทางพุทธศิลป์ที่สำคัญ
วัตถุประสงค์ของรายงานฉบับนี้ คือการรวบรวม ตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพระกริ่งหลวงพ่อคูณ รุ่นทิ้งทวน ปี ๒๕๓๖ จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั้งเอกสาร เว็บไซต์ และการบอกเล่า เพื่อนำเสนอประวัติความเป็นมา รายละเอียดการจัดสร้าง ลักษณะเด่นของแต่ละเนื้อ พุทธคุณ ประสบการณ์จากผู้บูชา ตลอดจนข้อควรพิจารณาในการสะสม เพื่อให้ผู้ที่ศรัทธาและนักสะสมได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์สูงสุด
พระกริ่งหลวงพ่อคูณ รุ่นทิ้งทวน พ.ศ. ๒๕๓๖: ความเป็นมาและวัตถุประสงค์การจัดสร้าง
พระกริ่งหลวงพ่อคูณ รุ่น "ทิ้งทวน" จัดสร้างขึ้นในปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ คำว่า "ทิ้งทวน" ในบริบทของวัตถุมงคลรุ่นนี้ มีความหมายโดยนัยว่าเป็นการสร้างเป็นรุ่นสุดท้าย หรือเป็นการสั่งลา เนื่องจากในขณะนั้นหลวงพ่อคูณท่านเห็นว่าการก่อสร้างเสนาสนะต่างๆ ภายในวัดบ้านไร่ใกล้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงมีความตั้งใจที่จะยุติการสร้างวัตถุมงคล อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นพระอริยสงฆ์ผู้มีแต่ให้ และไม่อาจขัดศรัทธาของเหล่าศิษยานุศิษย์ที่ร้องขอ จึงได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นต่อๆ มาในภายหลังอีกหลายรุ่น กระนั้นก็ตาม พระกริ่งรุ่น "ทิ้งทวน" นี้ ก็ยังคงเป็นที่จดจำในฐานะรุ่นที่มีเจตนาเดิมเช่นนั้น
วัตถุประสงค์หลักในการจัดสร้างพระกริ่งรุ่นทิ้งทวนนั้น หลวงพ่อคูณท่านดำริให้จัดสร้างขึ้นเพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้มีไว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลและคุ้มครองป้องกันภยันตรายต่างๆ นอกจากนี้ รายได้ส่วนหนึ่งจากการให้บูชาวัตถุมงคลรุ่นนี้ยังถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนกิจการสาธารณประโยชน์ต่างๆ ตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ เช่น การสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน และสาธารณูปการอื่นๆ รวมถึงเพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกศิษย์ที่รับใช้ใกล้ชิดและร่วมฟันฝ่าอุปสรรคในการก่อสร้างวัดบ้านไร่มาด้วยกันกับหลวงพ่อคูณตั้งแต่ยุคเริ่มต้น
การที่หลวงพ่อคูณตั้งใจให้เป็น "รุ่นสุดท้าย" ในขณะนั้น ย่อมแสดงถึงความตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยมในการอธิษฐานจิตปลุกเสก เพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ สมดังเจตนาที่จะ "ทิ้งทวน" เอาไว้เป็นที่ระลึกและเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ศรัทธา
พิธีเททองหล่อและพุทธาภิเษก
พระกริ่งหลวงพ่อคูณ รุ่นทิ้งทวน ปี ๒๕๓๖ จัดสร้างและเททองหล่อ ณ วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา การหล่อพระกริ่งรุ่นนี้ใช้วิธีการเททองแบบโบราณ ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่เชื่อกันว่าจะทำให้วัตถุมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น มีข้อมูลระบุว่าพิธีเททองหล่อพระกริ่งรุ่นนี้เกิดขึ้นในวันที่เป็นมงคลคือ วันที่ 8 และ 9 ของเดือน (ซึ่งไม่ได้ระบุเดือนและปีที่ชัดเจนในแหล่งข้อมูล แต่ปีที่สร้างคือ พ.ศ. ๒๕๓๖)
ในด้านพิธีพุทธาภิเษกนั้น หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ได้เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกพระกริ่งรุ่นทิ้งทวนนี้ด้วยตัวท่านเองอย่างต่อเนื่องตลอดไตรมาส (พรรษา) วัตถุมงคลทั้งหมดจะถูกนำไปตั้งไว้ที่หน้าพระประธานองค์ดำในกุฏิหลังเก่าของ
หลวงพ่อคูณ (ปัจจุบันดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์) เมื่อท่านตื่นบรรทมในตอนเช้า ก็จะทำการปลุกเสกพระกริ่งรุ่นนี้ทุกวัน เป็นเช่นนี้ซ้ำๆ ตลอดระยะเวลาเข้าพรรษา การปลุกเสกอย่างต่อเนื่องยาวนานเช่นนี้ย่อมส่งผลให้พระกริ่งรุ่นทิ้งทวนเปี่ยมด้วยพุทธานุภาพอย่างยิ่ง มีเรื่องเล่าในหมู่ลูกศิษย์ว่า ในระหว่างที่หลวงพ่อคูณกำลังนั่งบริกรรมปลุกเสกพระกริ่งรุ่นนี้เป็นเวลานานเกือบ 3 ชั่วโมง ซึ่งนานกว่าการอธิษฐานจิต
วัตถุมงคลรุ่นอื่นๆ ได้เกิดปรากฏการณ์อัศจรรย์คือ มีฝูงจิ้งจกจำนวนนับร้อยตัวพากันมาเกาะอยู่ตามข้างผนัง บนเพดาน และหลังองค์พระประธานในกุฏิของท่าน ลูกศิษย์กล่าวว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในสมัยที่หลวงปู่คง (อาจารย์ของหลวงพ่อคูณ) ยังมีชีวิตอยู่ สร้างความประหลาดใจแก่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมาก ปรากฏการณ์เช่นนี้ยิ่งเสริมความเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ของพระกริ่งรุ่นทิ้งทวนให้เพิ่มทวีคูณ
เนื้อโลหะและจำนวนการสร้าง
พระกริ่งหลวงพ่อคูณ รุ่นทิ้งทวน ปี ๒๕๓๖ ที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าจัดสร้างอย่างเป็นทางการ มีด้วยกัน 3 เนื้อโลหะหลัก ได้แก่
เนื้อทองคำ: สร้างจำนวน 150 องค์ (บางแหล่งข้อมูลระบุ 145 องค์ที่ตอกหมายเลข ที่เหลืออุดก้นด้วยสีผึ้ง เกศา ตะกรุดทองคำ และจารอักขระใต้ฐาน )
เนื้อเงิน: สร้างจำนวน 199 องค์ (บางแหล่งข้อมูลระบุ 2,000 องค์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่แตกต่างจากแหล่งอื่นค่อนข้างมาก และอาจเกิดความสับสนกับรุ่นอื่นหรือเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน)
เนื้อนวโลหะ: สร้างจำนวน 9,999 องค์ (บางแหล่งข้อมูลระบุ 10,000 องค์ )
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับ เนื้อทองเหลือง และ เนื้อทองแดง ซึ่งมักถูกกล่าวถึงว่าเป็น "พระสร้างเสริมจากโรงงาน" หรือพระที่ลูกศิษย์นำไปให้หลวงพ่อคูณอธิษฐานจิตเป็นการส่วนตัวในภายหลัง ซึ่งสถานะและความนิยมอาจแตกต่างจาก 3 เนื้อหลักที่ออกจากวัดโดยตรง
การที่จำนวนการสร้างในเนื้อทองคำและเนื้อเงินมีจำนวนน้อยมาก ทำให้พระกริ่งทั้งสองเนื้อนี้เป็นที่หายากและมีมูลค่าสูงในวงการนักสะสม ส่วนเนื้อนวโลหะแม้จะมีจำนวนการสร้างที่มากกว่า แต่ก็ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างกว้างขวาง

ชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์
แม้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับชนวนมวลสารที่ใช้ในการหล่อพระกริ่งรุ่นทิ้งทวนแต่ละเนื้อจะไม่ปรากฏชัดเจนในทุกแหล่ง แต่โดยทั่วไปแล้ว การสร้างพระกริ่งตามแบบโบราณมักจะมีการผสมผสานโลหะมงคลต่างๆ และแผ่นยันต์ที่พระเกจิอาจารย์ได้ลงอักขระและอธิษฐานจิตไว้
เนื้อนวโลหะ: ตามตำรับโบราณ "นวโลหะ" หมายถึงการผสมโลหะ 9 ชนิด ได้แก่ ชิน, จ้าวน้ำเงิน (แร่ชนิดหนึ่งสีน้ำเงินมีพลวงเป็นส่วนประกอบหลัก), เหล็กละลายตัว, บริสุทธิ์ (ทองแดงบริสุทธิ์), ปรอท, สังกะสี, ทองแดง, เงิน และทองคำ โดยมีสัดส่วนตามสูตรโบราณ เช่น ทองคำหนัก 9 บาท, เงินหนัก 8 บาท เป็นต้น การสร้างพระเนื้อนวโลหะเต็มสูตรนั้นทำได้ยากและมีต้นทุนสูง โดยเฉพาะการใส่ทองคำตามสัดส่วน มีข้อมูลระบุว่าเนื้อนวโลหะพิเศษของพระกริ่งรุ่นทิ้งทวน (คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของ 9,999 องค์ หรือเป็นชุดพิเศษจำนวนน้อย) มีการนำช่อชนวนที่เหลือจากการหล่อเนื้อทองคำมาเป็นมวลสารเพิ่มเข้าไปด้วย ทำให้มีวรรณะแก่ทองคำ
เนื้อทองเหลือง/ทองแดง: สำหรับ
พระกริ่งที่ระบุว่าเป็นเนื้อทองเหลืองหรือทองแดง มักจะมีความเกี่ยวข้องกับ "พระสร้างเสริม" ซึ่งอาจไม่ได้ใช้มวลสารเข้มข้นเท่า 3 เนื้อหลักที่ออกจากวัดโดยตรง แต่ก็มีผู้ศรัทธานำไปบูชาเช่นกัน
ความพิถีพิถันในการรวบรวมมวลสารศักดิ์สิทธิ์และการผสมโลหะตามตำรับโบราณ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัตถุมงคลนั้นๆ มีความเข้มขลังและเป็นที่ต้องการ
การพิจารณาแท้ ปลอม ขอให้สังเกตว่าตามพื้นผิวของเนื้อโลหะ ของแท้จะมีความเรียบร้อยกว่าของปลอม บริเวณเม็ดพระศก ของแท้จะเป็นเม็ดคมชัดเป็นตุ่มๆของปลอมเม็ดพระศกจะตื้นเบลอ ที่อาสนะของแท้จะเป็นเม็ดคมชัด ของปลอมดูไม่เป็นเม็ดมีลักษณะขรุขระ
พระหัตถ์ซ้ายที่วางพาดตัก ของแท้มีลักษณะหนา ของปลอมมีลักษณะบาง คำว่า “กรุ่งปริสุทฺโธ” และคำว่า “รุ่นทิ้งทวน” ของแท้ตัวหนังสือจะเป็น เส้นนูนขึ้นมาคมชัดสวยงาม ของปลอมจะมีลักษณะ เบลอ ไม่เรียบร้อยดูไม่สวยงาม
บริเวณสะโพก ด้านขวาของแท้จะหล่อติดเต็มของปลอมจะหล่อติดไม่เต็ม ทำให้ดูเห็นเป็นว่าสะโพกด้านขวาของปลอมมีขนาดเล็ก บริเวณที่อุดเม็ดกริ่ง ของแท้ใช้แผ่นโลหะ ทำด้วยนวโลหะมีสีออกเหลือบดำ ของปลอมใช้แผ่นทองแดงปิด คำว่า “คูณ” ที่แผ่นโลหะอุดก้น ของแท้จะเป็นตัวนูนชัดของปลอมจะเบลอตื้น บริเวณแผ่นโลหะอุกก้น ของแท้มีการตอกโค๊ตเป็นตัวหนังสือขอม ของปลอมไม่มีการตอกโค๊ต บริเวณฐานด้านล่าง ของแท้มีการตอกโค๊ตอีกหนึ่งตัวของปลอมไม่มี
ความคิดเห็น