ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อานุภาพแห่งชัยชนะ: เปิดตำนานพระกริ่งไพรีพินาศ วัดบวร

 พระกริ่งไพรีพินาศ วัดบวรนิเวศวิหาร

ปฐมบทแห่งพระพุทธคุณเหนือไพรี

พระไพรีพินาศ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะพระพุทธรูปคู่บารมีของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔  ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่เก๋งด้านบนชั้นสองของพระเจดีย์ใหญ่ วัดบวรนิเวศวิหาร  ด้วยประวัติความเป็นมาอันลึกซึ้งและพุทธคุณที่เลื่องลือ จึงเป็นที่มาของการจัดสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลในนาม "พระไพรีพินาศ" ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่พุทธศาสนิกชนและนักสะสม   


ขอบคุณภาพจาก: https://www.thairath.co.th/

รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือเชิงลึกที่ครอบคลุมทุกมิติของพระกริ่งไพรีพินาศ โดยเน้นที่ประวัติศาสตร์ ตำนาน และพุทธคุณ รวมถึงการวิเคราะห์รายละเอียดเฉพาะรุ่น โดยเฉพาะพระกริ่งไพรีพินาศรุ่นแรกที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ซึ่งเป็นที่ปรารถนาอย่างยิ่งในหมู่นักสะสม นอกจากนี้ยังนำเสนอการวิเคราะห์ตลาดและการประเมินราคา เพื่อให้นักสะสมและผู้ที่สนใจสามารถทำความเข้าใจและพิจารณาเช่าบูชาได้อย่างถูกต้องและมั่นใจในคุณค่าที่แท้จริง

ประวัติและตำนานพระไพรีพินาศ

ตำนานและที่มาแห่งพระพุทธรูปองค์ต้นแบบ

ตำนานแห่งพระไพรีพินาศเริ่มต้นขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. ๒๓๙๑ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓)  ขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยังผนวชและประทับอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ได้มีผู้ไม่ปรากฏชื่อนำพระพุทธรูปองค์หนึ่งมาถวายพระองค์  พระพุทธรูปองค์นี้มีพุทธลักษณะที่งดงาม และจากรูปแบบทางพุทธศิลป์ทำให้มีการสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากประเทศอินโดนีเซีย หรือชวาในอดีต  อย่างไรก็ตาม เรื่องราวสำคัญที่ตามมาหลังจากนั้นได้สร้างคุณค่าอันเป็นมงคลให้กับองค์พระอย่างไม่อาจประเมินได้   

หลังจากที่พระพุทธรูปองค์นี้ได้มาประดิษฐานอยู่กับพระองค์ ปรากฏว่าเหล่าอริราชศัตรูที่คิดปองร้ายพระองค์ต่างมีอันเป็นไปและพ่ายแพ้ภัยตนเองไปในที่สุด  เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พระองค์ทรงตระหนักในอภินิหารขององค์พระ และได้โปรดให้ถวายพระนามว่า "พระไพรีพินาศ" ซึ่งหมายถึง "ผู้มีเวรหรือข้าศึกพินาศย่อยยับ"  นามอันเป็นมงคลนี้จึงมิได้มาจากความบังเอิญ แต่มีที่มาจากการแสดงอานุภาพเหนือศัตรูในเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ และคุณค่าทางพุทธศิลป์อันเป็นที่มาขององค์พระก็ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการกำหนดความศักดิ์สิทธิ์ แต่ความศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดขึ้นจากเหตุการณ์อันเป็นอภินิหารที่เกิดขึ้นหลังจากองค์พระได้มาประดิษฐานในสถานที่อันควรต่างหาก   

พุทธคุณอันเลิศล้ำ: "กำราบศัตรู" และ "แคล้วคลาดปลอดภัย"

พุทธคุณอันโดดเด่นของพระไพรีพินาศซึ่งเป็นที่เลื่องลือมากที่สุด คือการกำราบศัตรู  และการปัดเป่าภัยจากผู้ไม่ประสงค์ดี ทั้งที่เป็นผู้คน สรรพสัตว์ หรือสิ่งที่มองไม่เห็น  ชื่ออันทรงพลังขององค์พระได้สะท้อนถึงอานุภาพในด้านนี้โดยตรง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พระเครื่องไพรีพินาศได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เพราะผู้คนสามารถเข้าถึงและเข้าใจในพุทธคุณที่มุ่งแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมและทันทีทันใดในชีวิตประจำวัน ความปรารถนาที่จะเอาชนะอุปสรรคและผู้ที่คิดร้ายต่อตนเองเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องการมีวัตถุมงคลนี้ไว้บูชา   

อย่างไรก็ตาม พุทธคุณของพระไพรีพินาศมิได้จำกัดอยู่แค่เพียงการปัดเป่าภัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมไปถึงด้านอื่นๆ อย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย เสริมสร้างอำนาจบารมี รวมถึงเมตตามหานิยมและพรั่งพร้อมด้วยโภคทรัพย์  การผสมผสานพุทธคุณที่ครอบจักรวาลนี้ทำให้พระไพรีพินาศกลายเป็นวัตถุมงคลที่สมบูรณ์แบบสำหรับการบูชา ทั้งเพื่อปกป้องคุ้มครองตนเองจากภัยอันตราย และเพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต   

การจัดสร้างพระกริ่งไพรีพินาศรุ่นสำคัญ

บทวิเคราะห์รุ่นแรก: พระกริ่งไพรีพินาศ ปี พ.ศ. ๒๔๙๕

พระกริ่งไพรีพินาศ วัดบวรนิเวศวิหาร ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ถือเป็นพระกริ่งไพรีพินาศรุ่นแรกของประเทศไทย  ซึ่งจัดสร้างขึ้นในวาระอันเป็นมงคลยิ่ง เพื่อฉลองพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษาของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์  พิธีการจัดสร้างในครั้งนั้นยิ่งใหญ่มาก โดยมีการเททองหล่อพระพุทธปฏิมาทีฆายุมงคล และวัตถุมงคลที่สำคัญอื่นๆ รวมถึงพระกริ่งและพระชัยวัฒน์    

พระกริ่งไพรีพินาศรุ่นนี้แบ่งออกเป็น ๒ พิมพ์หลัก ได้แก่ พิมพ์บัวเหลี่ยม และ พิมพ์บัวแหลม  พุทธลักษณะโดยรวมของทั้งสองพิมพ์มีความเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างที่นักสะสมต้องพิจารณาอย่างละเอียดเพื่อยืนยันความแท้และความถูกต้องของพิมพ์ โดยเฉพาะในส่วนของฐานบัวตามชื่อพิมพ์  และเม็ดพระศกด้านหลัง    

การพิจารณาความแท้ของพระกริ่งรุ่นนี้มีจุดสำคัญหลายประการที่ควรทำความเข้าใจ พระกริ่งไพรีพินาศ ปี ๒๔๙๕ สร้างด้วยกรรมวิธีการหล่อแบบโบราณ ซึ่งทำให้มีรอยตะเข็บอันเกิดจากการประกบพิมพ์หุ่นเทียน  นอกจากนี้ องค์พระถูกเทแบบตัน แล้วจึงเจาะรูเพื่ออุดเม็ดกริ่งที่ใต้ฐาน ทำให้มีรอยตะไบและรอยเสี้ยนที่เกิดจากการตกแต่งก้น ซึ่งถือเป็นตำหนิสำคัญที่ของปลอมเลียนแบบได้ยาก  วรรณะของพระกริ่งรุ่นนี้จะมีผิวโลหะทองเหลืองที่อาจมีผิวขึ้นน้ำทองหรือดำตามกาลเวลา  อย่างไรก็ตาม ของปลอมที่ถอดพิมพ์มาอย่างดีอาจมีรอยตะเข็บคล้ายกัน แต่ตะเข็บของพระแท้จะมีลักษณะที่บิดเล็กน้อย ในขณะที่ของปลอมส่วนใหญ่มักจะวิ่งตรงลงมา ทำให้องค์พระดูผอมและผิดสัดส่วนไป    

พระเครื่องไพรีพินาศรุ่นหลังที่ทรงคุณค่า
นอกเหนือจากพระกริ่งรุ่นแรกปี ๒๔๙๕ แล้ว วัดบวรนิเวศวิหารยังได้มีการจัดสร้างพระเครื่องไพรีพินาศรุ่นอื่นๆ อีกหลายครั้งในวาระสำคัญ  ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีคุณค่าและความน่าสนใจในแบบของตัวเอง   

พระผงไพรีพินาศ หลัง ภปร. ปี ๒๕๓๐: รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงเนื่องจากครบถ้วนด้วยปัจจัยสำคัญสามประการ ได้แก่ การได้รับพระราชทานผงมวลสารจิตรลดาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙)  การมีพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร." ประดิษฐานอยู่ที่ด้านหลังองค์พระ และการที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเสด็จในพิธี  โดยรุ่นนี้สร้างโดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช    

พระกริ่งและพระชัยวัฒน์ไพรีพินาศ รุ่นถวายราชสักการะ ปี ๒๕๓๔: จัดสร้างขึ้นเป็นที่ระลึกในงานทอดผ้าป่า ณ วัดคีรีวิหาร จังหวัดตราด  มีเนื้อหาหลักเป็นเนื้อนวโลหะ  และเนื้อเงิน  ซึ่งมีการประกอบพิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ในวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๔ โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานในพิธี และรายนามพระเกจิอาจารย์ชื่อดังมากมายจากทั่วประเทศเข้าร่วมพิธี    

รุ่นกาญจนาภิเษก ปี ๒๕๓๙: สร้างขึ้นในโอกาสฉลองทรงครองราชย์ครบ ๕๐ ปีของในหลวงรัชกาลที่ ๙    

รุ่นครบรอบ ๑๐๐ ปี ญสส. ปี ๒๕๕๖: สร้างขึ้นเพื่อฉลองพระชันษา ๑๐๐ ปีของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช    

การจัดสร้างพระไพรีพินาศรุ่นหลังๆ นี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะสืบสานตำนานและคุณค่าขององค์พระต้นแบบ  โดยแต่ละรุ่นจะมีเอกลักษณ์และคุณค่าที่แตกต่างกันไปตามวาระและปัจจัยการจัดสร้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้สนใจควรพิจารณา การมีส่วนร่วมของพระบรมวงศานุวงศ์และพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในแต่ละรุ่นได้เพิ่มคุณค่าทางประวัติศาสตร์และจิตใจอย่างยิ่ง ทำให้แม้จะไม่ใช่รุ่นแรกแต่ก็ยังคงเป็นที่ต้องการของนักสะสม 

บทสรุปและข้อแนะนำสำหรับนักสะสม

สรุปคุณค่าและข้อพิจารณา
พระกริ่งไพรีพินาศ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นวัตถุมงคลที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์และพุทธคุณ  การศึกษาประวัติและตำนานของพระพุทธรูปองค์ต้นแบบทำให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของพุทธคุณในการขจัดภัยและอุปสรรค  และการวิเคราะห์รายละเอียดในแต่ละรุ่นทำให้สามารถแยกแยะพระแท้จากพระปลอมได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสะสม   

สำหรับนักสะสมที่สนใจพระกริ่งไพรีพินาศรุ่นปี ๒๔๙๕ ควรศึกษาตำหนิสำคัญต่างๆ อย่างถี่ถ้วน ทั้งรอยตะเข็บจากการหล่อโบราณ  รอยตะไบที่ใต้ฐาน  และความแตกต่างของพุทธลักษณะในแต่ละพิมพ์  การทำความเข้าใจในความไม่สมบูรณ์แบบที่เกิดจากกรรมวิธีการสร้างแบบโบราณเป็นสิ่งจำเป็น เพราะความไม่สมบูรณ์เหล่านั้นกลับกลายเป็นเครื่องยืนยันความแท้ที่สำคัญที่สุด   

นอกจากนี้ การพิจารณาเรื่องราคาเช่าบูชาควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากราคาอาจแตกต่างกันอย่างมากในตลาด  และควรพิจารณาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและผู้เชี่ยวชาญในวงการ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับพระแท้ที่สมบูรณ์ในราคาที่เหมาะสม   

ท้ายที่สุดนี้ พระกริ่งไพรีพินาศจึงไม่เป็นเพียงวัตถุสำหรับนักสะสมเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและพุทธศิลป์ที่ทรงคุณค่า เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นสิ่งเตือนให้ระลึกถึงพุทธคุณอันเลิศล้ำในการเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พระกริ่งเชียงตุง 2486 วัดสุทัศน์

พระกริ่งเชียงตุง 2486 วัดสุทัศน์ ขอบคุณภาพจาก แดน ท่าพระจันทร์ สมเด็จพระสังฆราช(แพ) องค์อมตะเถราจารย์แห่งสำนักวัดสุทัศน์เทพวราราม ซึ่งเป็นองค์ปรมาจารย์ในเรื่องการสร้างพระกริ่งแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ท่านได้สถาปนาพระกริ่งรุ่นแรก เทพโมลี พ.ศ.2441 จนถึงรุ่นสุดท้าย เชียงตุง พ.ศ.2486 รวมเวลาได้ 45 ปี

พระลือโขง กรุวัดกู่เหล็ก ลำพูน องค์แชมป์กรุ โดยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์

พระลือโขง กรุวัดกู่เหล็ก ลำพูน เครดิตภาพ: thairath.co.th พระเครื่ององค์แรกคือ พระลือโขงหรือพระฤาโขง สุดยอดพระเครื่องเมืองเหนือที่มีชื่อเสียงมาก ด้านความอลังการของ พุทธศิลป์หริภุญไชย ที่มีอิทธิพลศิลปะพม่า (พุกาม) ผสม..... พระสมเด็จอรหัง พิมพ์เล็ก หลังจาร วัดมหาธาตุ กทม. องค์คะแนน ของซุป เตาปูน. ลักษณะเป็นพระพิมพ์เนื้อดินเผาขนาดเขื่อง (ใหญ่กว่าพระคง, พระลือ) องค์พระประทับนั่งปางมารวิชัยภายในซุ้มเรือนแก้ว เหนือฐานบัว 2 ชั้น พระพักตร์ ปรากฏรายละเอียด หู ตา จมูก ปาก ครบสมบูรณ์ และชัดเจน อ่อนช้อยงดงาม เหมือนแย้มยิ้ม ..... ระยะแรกที่พบพระ ในกรุ วัดกู่เหล็ก ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังวัดประตูลี้ (ที่พบพระฤา, พระเลี่ยง) ชาวถิ่นคิดว่าเป็น รูปจำลองพระนางจามเทวี จึงนิยมเรียกกันว่า "พระนางจามเทวี ซุ้มเรือนแก้ว"..... แต่จำนวนพระมีน้อยมาก เพราะถูกนักนิยมพระเจ้าถิ่นเช่าตัดตอนเก็บไว้หมด ทำให้พระไม่แพร่หลาย ไม่ค่อยมีใครได้เห็นพระแท้องค์จริงมากนัก มีแต่เสียงร่ำลือถึงความงดงามว่าเทียบเคียงกับ พระรอด..... กระทั่งราวๆปี 2511 ก็มีการค้นพบพระพิมพ์นี้จากที่เดิมอีกครั้งใหญ่ แต่คัดแล...

ถอดรหัสอักขระศักดิ์สิทธิ์ สู่พุทธคุณอมตะ หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง

พระปิดตายันต์ยุ่งหลวงพ่อเชิญ วัดโคกทองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอขอบคุณภาพจาก: http://uauction2.uamulet.com/AuctionDetail.aspx?bid=422&qid=48516 พระปิดตายันต์ยุ่ง หลวงพ่อเชิญ พระปิดตายันต์ยุ่ง หลวงพ่อเชิญ นับเป็นวัตถุมงคลประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่แสวงหาอย่างกว้างขวางในวงการ พระเครื่อง ไทย โดยมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับหลวงพ่อเชิญ ปุญฺญสิริ แห่งวัดโคกทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลักษณะเด่นของพระเครื่องชุดนี้คือการผสมผสานพุทธศิลป์ของ "พระปิดตา" ซึ่งหมายถึงพระพุทธรูปในปางปิดพระเนตร เข้ากับ "ยันต์ยุ่ง" อันหมายถึงอักขระเลขยันต์ที่สลับซับซ้อนพันเกี่ยวกันทั่วองค์พระ ความสนใจและการเสาะหาพระปิดตารุ่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาในพุทธคุณและบารมีของหลวงพ่อเชิญ รวมถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของยันต์ยุ่งที่เชื่อกันว่าเปี่ยมด้วยอานุภาพ การปรากฏของพระเครื่องรุ่นนี้ในตลาดซื้อขายและเวทีการประมูลจำนวนมาก ย่อมบ่งชี้ถึงความต้องการที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากผู้ศรัทธาและนักสะสม ชื่อเสียงของหลวงพ่อเชิญในฐานะพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและวิทยาคม เป็นปัจ...