พระกรุวัดบางกะปิ กรุงเทพมหานคร: การศึกษาเชิงลึกด้านประวัติศาสตร์ พุทธศิลป์ และค่านิยม
พระกรุวัดบางกะปิ เป็นพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง เมื่อแรกเริ่มเดิมทีที่นักนิยมสะสมพระเครื่องในสมัยก่อนได้พบพระกรุนี้ ต่างก็เข้าใจว่าพระกรุวัดบางกะปินี้เป็นพระที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาแต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปมีผู้รู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับศิลปะต่างๆ ของพระพุทธรูปในยุคต่างๆนั้น ได้กล่าวไว้ว่า พระกรุวัดบางกะปินี้เป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์นี้เอง เพราะเนื่องมาจากพระกรุวัดบางกะปิมีฐานผ้าทิพย์ ซึ่งฐานพระแบบผ้าทิพย์เริ่มมีครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์ และท่านผู้รู้ยังกล่าวอีกว่า พระกรุวัดบางกะปินี้ เป็นพระกรุในยุคเดียวกันกับพระกรุวัดประยุรวงศาวาส, พระพิมพ์เศียรโล้น-เศียรแหลม ของกรุวังหน้า และพระโคนสมอ เป็นต้น
พระกรุวัดบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
พระกรุวัดบางกะปิ เป็นพระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดงที่ปิดทองเก่ามาแต่เดิมก่อนที่จะถูกบรรจุลงกรุ ซึ่งลักษณะของทองคำเปลวก็ได้บ่งบอกถึงอายุว่าเป็นทองของยุครัตนโกสินทร์ ในด้านของรูปทรงขององค์พระนั้น มีลักษณะคล้ายใบหอก ตรงกลางเป็นองค์พระประทับปางมารวิชัย เหนืออาสนะ ฐาน 2 ชั้น โดยชั้นแรกเป็นแบบฐานเขียง ตรงกลางมีผ้าทิพย์ ส่วนชั้นที่ 2 เป็นแบบขาโต๊ะส่วนด้านหลังขององค์พระนั้นมีทั้งแบบเรียบและแบบขรุขระ พระกรุวัดบางกะปิแบ่งได้ เป็น 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก
พระเนื้อชินสนิมแดง (Lead Amulets with Red Rust) – เอกลักษณ์ของกรุวัดบางกะปิ
พระเครื่องที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากที่สุดจากกรุวัดบางกะปิคือพระเนื้อชินสนิมแดง มีลักษณะดังนี้:
วัสดุและลักษณะภายนอก: สร้างจากโลหะผสมตะกั่วเป็นหลัก (เนื้อตะกั่ว) เมื่อเวลาผ่านไป โลหะตะกั่วนี้ได้เกิดปฏิกิริยาจนเกิดเป็นสนิมสีแดงปกคลุมผิว ที่เรียกว่า "สนิมแดง" (Sanim Daeng) ซึ่งเป็นลักษณะที่นักสะสมให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากบ่งบอกถึงอายุความเก่าแก่และความแท้ 11 พระหลายองค์เดิมมีการลงรักปิดทองมาก่อนบรรจุกรุ ทำให้ยังคงเห็นร่องรอยของรักและทองคำเปลวหลงเหลืออยู่ 16
ยุคสมัยทางศิลปะ: จัดอยู่ในยุคต้นรัตนโกสินทร์ (สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น) 11 ซึ่งแตกต่างจากพุทธศิลป์สมัยอยุธยาหรือสุโขทัย แม้ว่าในอดีตเคยมีการเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าสร้างในสมัยอยุธยาก็ตาม 16
พุทธลักษณะและรูปแบบ:
รูปทรง: มักมีรูปทรงคล้ายใบหอกหรือสามเหลี่ยม
ปาง: ส่วนใหญ่แสดงปางมารวิชัย
ฐาน: ลักษณะเด่นที่สำคัญคือ "ฐานผ้าทิพย์" ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าเป็นพระเครื่องในสมัยรัตนโกสินทร์ ข้อมูลหนึ่งระบุรายละเอียดของฐานว่ามีสองชั้น ชั้นล่างสุดเป็น "ฐานขาโต๊ะ" ส่วนชั้นบนเป็น "ฐานเขียง" และมีผ้าทิพย์อยู่ตรงกลาง
พิมพ์ (Pim - Molds/Types):
พิมพ์ใหญ่ (Large Mold): 16 มีขนาดใหญ่กว่าพิมพ์อื่น แต่มีพุทธลักษณะรายละเอียดเหมือนกัน ได้รับการกล่าวขานว่าสวยงาม แท้ และดูง่าย
พิมพ์กลาง (Medium Mold): มีลักษณะคล้ายพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก แตกต่างกันที่ขนาด
พิมพ์เล็ก (Small Mold): เป็นพระชุดเล็กยอดนิยมของกรุงเทพฯ หายากมาก จนกลายเป็นตำนานแห่งทุ่งบางกะปิ
คุณค่าทางสุนทรียะ: ได้รับการยอมรับว่าเป็นพระเนื้อตะกั่วสนิมแดงที่งดงามที่สุดชุดหนึ่งที่พบในกรุงเทพมหานคร
รายละเอียดของ "ฐานผ้าทิพย์" และ "ฐานขาโต๊ะ" 16 มีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดอายุทางพุทธศิลป์ ซึ่งช่วยยืนยันว่าพระเครื่องเหล่านี้สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ และแก้ไขความเข้าใจผิดเดิมที่เคยเชื่อว่าเป็นพระสมัยอยุธยา สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในการศึกษาและวิเคราะห์พุทธศิลป์เมื่อมีข้อมูลเปรียบเทียบและวิธีการวิเคราะห์ที่ดีขึ้น ในอดีตนักสะสมรุ่นเก่าอาจสันนิษฐานว่าพระกรุนี้มีอายุเก่าแก่กว่าความเป็นจริงเนื่องจากเป็นการค้นพบจากกรุ แต่การวิเคราะห์ทางพุทธศิลป์ โดยเฉพาะลักษณะฐาน ทำให้สามารถกำหนดอายุสมัยได้แม่นยำขึ้น
ความคิดเห็น