ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

พระกรุวัดบางกะปิ: ประวัติศาสตร์ พุทธศิลป์ และความศรัทธาแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

พระกรุวัดบางกะปิ กรุงเทพมหานคร: การศึกษาเชิงลึกด้านประวัติศาสตร์ พุทธศิลป์ และค่านิยม

 มรดกแห่งศรัทธา: พระกรุวัดบางกะปิและพุทธานุภาพหลวงพ่อยุ้ย
เรื่องราวของพระกรุวัดบางกะปิและพระเครื่องของหลวงพ่อยุ้ย เป็นการเดินทางผ่านประวัติศาสตร์อันยาวนานของวัดบางกะปิ ตั้งแต่การก่อตั้งในสมัยอยุธยาตอนปลาย มาจนถึงเหตุการณ์สำคัญคือการแตกกรุอันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามโลกครั้งที่ 2 และการสืบทอดพุทธคุณผ่านการสร้างพระเครื่องโดยหลวงพ่อยุ้ย ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความต่อเนื่องของมรดกทางศรัทธา
พระกรุวัดบางกะปิและพระเครื่องที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อยุ้ย ไม่ได้เป็นเพียงวัตถุมงคล แต่ยังเป็นประจักษ์พยานทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงผู้คนในปัจจุบันเข้ากับความศรัทธาและพุทธศิลป์ของคนรุ่นก่อนในกรุงเทพมหานคร วัตถุมงคลเหล่านี้เป็นทั้งเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ โบราณวัตถุทางประวัติศาสตร์ และของสะสมอันมีค่า ซึ่งหลอมรวมความเชื่อทางจิตวิญญาณและคุณค่าทางวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน
ความนิยมและความต้องการในหมู่นักสะสมพระเครื่องยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่เสื่อมคลาย ปัจจัยสำคัญมาจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันน่าสนใจ พุทธคุณด้านการคุ้มครองที่เล่าขานสืบต่อกันมา และเอกลักษณ์ทางพุทธศิลป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเนื้อชินสนิมแดง พระกรุวัดบางกะปิจึงได้จารึกชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการพระเครื่องไทย เป็นเครื่องยืนยันถึงศรัทธาอันมั่นคงที่ดำรงอยู่ผ่านช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายและความสงบสุข เรื่องราวของพระกรุวัดบางกะปิ ตั้งแต่วัดโบราณ การค้นพบในภาวะสงคราม และพระภิกษุผู้เปี่ยมด้วยศรัทธาที่สืบทอดความศักดิ์สิทธิ์ เป็นตำนานที่น่าประทับใจและสะท้อนถึงผลกระทบอันยาวนานของวัตถุมงคลเหล่านี้ต่อวัฒนธรรมทางพุทธศาสนาของไทย

พระกรุวัดบางกะปิ เป็นพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง เมื่อแรกเริ่มเดิมทีที่นักนิยมสะสมพระเครื่องในสมัยก่อนได้พบพระกรุนี้ ต่างก็เข้าใจว่าพระกรุวัดบางกะปินี้เป็นพระที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาแต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปมีผู้รู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับศิลปะต่างๆ ของพระพุทธรูปในยุคต่างๆนั้น ได้กล่าวไว้ว่า พระกรุวัดบางกะปินี้เป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์นี้เอง เพราะเนื่องมาจากพระกรุวัดบางกะปิมีฐานผ้าทิพย์ ซึ่งฐานพระแบบผ้าทิพย์เริ่มมีครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์ และท่านผู้รู้ยังกล่าวอีกว่า พระกรุวัดบางกะปินี้ เป็นพระกรุในยุคเดียวกันกับพระกรุวัดประยุรวงศาวาส, พระพิมพ์เศียรโล้น-เศียรแหลม ของกรุวังหน้า และพระโคนสมอ เป็นต้น

พระกรุวัดบางกะปิ กรุงเทพมหานคร


เครดิตภาพ: https://uauction3.uamulet.com/AuctionDetail.aspx?bid=340&qid=344061

พระกรุวัดบางกะปิ เป็นพระเนื้อชินตะกั่วสนิมแดงที่ปิดทองเก่ามาแต่เดิมก่อนที่จะถูกบรรจุลงกรุ ซึ่งลักษณะของทองคำเปลวก็ได้บ่งบอกถึงอายุว่าเป็นทองของยุครัตนโกสินทร์ ในด้านของรูปทรงขององค์พระนั้น มีลักษณะคล้ายใบหอก ตรงกลางเป็นองค์พระประทับปางมารวิชัย เหนืออาสนะ ฐาน 2 ชั้น โดยชั้นแรกเป็นแบบฐานเขียง ตรงกลางมีผ้าทิพย์ ส่วนชั้นที่ 2 เป็นแบบขาโต๊ะส่วนด้านหลังขององค์พระนั้นมีทั้งแบบเรียบและแบบขรุขระ พระกรุวัดบางกะปิแบ่งได้ เป็น 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลางและพิมพ์เล็ก

พระเนื้อชินสนิมแดง (Lead Amulets with Red Rust) – เอกลักษณ์ของกรุวัดบางกะปิ

พระเครื่องที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากที่สุดจากกรุวัดบางกะปิคือพระเนื้อชินสนิมแดง มีลักษณะดังนี้:

วัสดุและลักษณะภายนอก: สร้างจากโลหะผสมตะกั่วเป็นหลัก (เนื้อตะกั่ว) เมื่อเวลาผ่านไป โลหะตะกั่วนี้ได้เกิดปฏิกิริยาจนเกิดเป็นสนิมสีแดงปกคลุมผิว ที่เรียกว่า "สนิมแดง" (Sanim Daeng) ซึ่งเป็นลักษณะที่นักสะสมให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากบ่งบอกถึงอายุความเก่าแก่และความแท้ 11 พระหลายองค์เดิมมีการลงรักปิดทองมาก่อนบรรจุกรุ ทำให้ยังคงเห็นร่องรอยของรักและทองคำเปลวหลงเหลืออยู่ 16

ยุคสมัยทางศิลปะ: จัดอยู่ในยุคต้นรัตนโกสินทร์ (สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น) 11 ซึ่งแตกต่างจากพุทธศิลป์สมัยอยุธยาหรือสุโขทัย แม้ว่าในอดีตเคยมีการเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าสร้างในสมัยอยุธยาก็ตาม 16

พุทธลักษณะและรูปแบบ:

รูปทรง: มักมีรูปทรงคล้ายใบหอกหรือสามเหลี่ยม 

ปาง: ส่วนใหญ่แสดงปางมารวิชัย 

ฐาน: ลักษณะเด่นที่สำคัญคือ "ฐานผ้าทิพย์" ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าเป็นพระเครื่องในสมัยรัตนโกสินทร์ ข้อมูลหนึ่งระบุรายละเอียดของฐานว่ามีสองชั้น ชั้นล่างสุดเป็น "ฐานขาโต๊ะ" ส่วนชั้นบนเป็น "ฐานเขียง" และมีผ้าทิพย์อยู่ตรงกลาง 

พิมพ์ (Pim - Molds/Types):

พิมพ์ใหญ่ (Large Mold): 16 มีขนาดใหญ่กว่าพิมพ์อื่น แต่มีพุทธลักษณะรายละเอียดเหมือนกัน  ได้รับการกล่าวขานว่าสวยงาม แท้ และดูง่าย 

พิมพ์กลาง (Medium Mold):  มีลักษณะคล้ายพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก แตกต่างกันที่ขนาด

พิมพ์เล็ก (Small Mold):  เป็นพระชุดเล็กยอดนิยมของกรุงเทพฯ หายากมาก จนกลายเป็นตำนานแห่งทุ่งบางกะปิ 

คุณค่าทางสุนทรียะ: ได้รับการยอมรับว่าเป็นพระเนื้อตะกั่วสนิมแดงที่งดงามที่สุดชุดหนึ่งที่พบในกรุงเทพมหานคร 

รายละเอียดของ "ฐานผ้าทิพย์" และ "ฐานขาโต๊ะ" 16 มีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดอายุทางพุทธศิลป์ ซึ่งช่วยยืนยันว่าพระเครื่องเหล่านี้สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ และแก้ไขความเข้าใจผิดเดิมที่เคยเชื่อว่าเป็นพระสมัยอยุธยา สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในการศึกษาและวิเคราะห์พุทธศิลป์เมื่อมีข้อมูลเปรียบเทียบและวิธีการวิเคราะห์ที่ดีขึ้น ในอดีตนักสะสมรุ่นเก่าอาจสันนิษฐานว่าพระกรุนี้มีอายุเก่าแก่กว่าความเป็นจริงเนื่องจากเป็นการค้นพบจากกรุ แต่การวิเคราะห์ทางพุทธศิลป์ โดยเฉพาะลักษณะฐาน ทำให้สามารถกำหนดอายุสมัยได้แม่นยำขึ้น


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พระกริ่งเชียงตุง 2486 วัดสุทัศน์

พระกริ่งเชียงตุง 2486 วัดสุทัศน์ ขอบคุณภาพจาก แดน ท่าพระจันทร์ สมเด็จพระสังฆราช(แพ) องค์อมตะเถราจารย์แห่งสำนักวัดสุทัศน์เทพวราราม ซึ่งเป็นองค์ปรมาจารย์ในเรื่องการสร้างพระกริ่งแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ท่านได้สถาปนาพระกริ่งรุ่นแรก เทพโมลี พ.ศ.2441 จนถึงรุ่นสุดท้าย เชียงตุง พ.ศ.2486 รวมเวลาได้ 45 ปี

พระลือโขง กรุวัดกู่เหล็ก ลำพูน องค์แชมป์กรุ โดยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์

พระลือโขง กรุวัดกู่เหล็ก ลำพูน เครดิตภาพ: thairath.co.th พระเครื่ององค์แรกคือ พระลือโขงหรือพระฤาโขง สุดยอดพระเครื่องเมืองเหนือที่มีชื่อเสียงมาก ด้านความอลังการของ พุทธศิลป์หริภุญไชย ที่มีอิทธิพลศิลปะพม่า (พุกาม) ผสม..... พระสมเด็จอรหัง พิมพ์เล็ก หลังจาร วัดมหาธาตุ กทม. องค์คะแนน ของซุป เตาปูน. ลักษณะเป็นพระพิมพ์เนื้อดินเผาขนาดเขื่อง (ใหญ่กว่าพระคง, พระลือ) องค์พระประทับนั่งปางมารวิชัยภายในซุ้มเรือนแก้ว เหนือฐานบัว 2 ชั้น พระพักตร์ ปรากฏรายละเอียด หู ตา จมูก ปาก ครบสมบูรณ์ และชัดเจน อ่อนช้อยงดงาม เหมือนแย้มยิ้ม ..... ระยะแรกที่พบพระ ในกรุ วัดกู่เหล็ก ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังวัดประตูลี้ (ที่พบพระฤา, พระเลี่ยง) ชาวถิ่นคิดว่าเป็น รูปจำลองพระนางจามเทวี จึงนิยมเรียกกันว่า "พระนางจามเทวี ซุ้มเรือนแก้ว"..... แต่จำนวนพระมีน้อยมาก เพราะถูกนักนิยมพระเจ้าถิ่นเช่าตัดตอนเก็บไว้หมด ทำให้พระไม่แพร่หลาย ไม่ค่อยมีใครได้เห็นพระแท้องค์จริงมากนัก มีแต่เสียงร่ำลือถึงความงดงามว่าเทียบเคียงกับ พระรอด..... กระทั่งราวๆปี 2511 ก็มีการค้นพบพระพิมพ์นี้จากที่เดิมอีกครั้งใหญ่ แต่คัดแล...

ถอดรหัสอักขระศักดิ์สิทธิ์ สู่พุทธคุณอมตะ หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง

พระปิดตายันต์ยุ่งหลวงพ่อเชิญ วัดโคกทองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอขอบคุณภาพจาก: http://uauction2.uamulet.com/AuctionDetail.aspx?bid=422&qid=48516 พระปิดตายันต์ยุ่ง หลวงพ่อเชิญ พระปิดตายันต์ยุ่ง หลวงพ่อเชิญ นับเป็นวัตถุมงคลประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่แสวงหาอย่างกว้างขวางในวงการ พระเครื่อง ไทย โดยมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับหลวงพ่อเชิญ ปุญฺญสิริ แห่งวัดโคกทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลักษณะเด่นของพระเครื่องชุดนี้คือการผสมผสานพุทธศิลป์ของ "พระปิดตา" ซึ่งหมายถึงพระพุทธรูปในปางปิดพระเนตร เข้ากับ "ยันต์ยุ่ง" อันหมายถึงอักขระเลขยันต์ที่สลับซับซ้อนพันเกี่ยวกันทั่วองค์พระ ความสนใจและการเสาะหาพระปิดตารุ่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาในพุทธคุณและบารมีของหลวงพ่อเชิญ รวมถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของยันต์ยุ่งที่เชื่อกันว่าเปี่ยมด้วยอานุภาพ การปรากฏของพระเครื่องรุ่นนี้ในตลาดซื้อขายและเวทีการประมูลจำนวนมาก ย่อมบ่งชี้ถึงความต้องการที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากผู้ศรัทธาและนักสะสม ชื่อเสียงของหลวงพ่อเชิญในฐานะพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและวิทยาคม เป็นปัจ...