พระปิดตายันต์ยุ่ง หลวงพ่อเชิญ
พระปิดตายันต์ยุ่ง หลวงพ่อเชิญ นับเป็นวัตถุมงคลประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่แสวงหาอย่างกว้างขวางในวงการ
พระเครื่องไทย โดยมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับหลวงพ่อเชิญ ปุญฺญสิริ แห่งวัดโคกทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลักษณะเด่นของพระเครื่องชุดนี้คือการผสมผสานพุทธศิลป์ของ "พระปิดตา" ซึ่งหมายถึงพระพุทธรูปในปางปิดพระเนตร เข้ากับ "ยันต์ยุ่ง" อันหมายถึงอักขระเลขยันต์ที่สลับซับซ้อนพันเกี่ยวกันทั่วองค์พระ ความสนใจและการเสาะหาพระปิดตารุ่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาในพุทธคุณและบารมีของหลวงพ่อเชิญ รวมถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของยันต์ยุ่งที่เชื่อกันว่าเปี่ยมด้วยอานุภาพ การปรากฏของพระเครื่องรุ่นนี้ในตลาดซื้อขายและเวทีการประมูลจำนวนมาก ย่อมบ่งชี้ถึงความต้องการที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากผู้ศรัทธาและนักสะสม
ชื่อเสียงของหลวงพ่อเชิญในฐานะพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและวิทยาคม เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้วัตถุมงคลที่ท่านสร้างและอธิษฐานจิตปลุกเสกเป็นที่เคารพศรัทธา อิทธิวัตถุมงคลต่างๆ ที่ท่านสร้างขึ้นนั้นเชื่อกันว่ามีพุทธานุภาพสูงส่งในทุกด้านและคงความอมตะตลอดกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ยันต์ยุ่ง" ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของพระปิดตารุ่นนี้ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผู้คนให้ความสนใจและเชื่อมั่นในพุทธคุณ การผสมผสานระหว่างรูปพระปิดตาอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการสำรวมระวัง กับยันต์ยุ่งที่สื่อถึงความเข้มขลังซับซ้อนของอักขระ ยิ่งเสริมให้พระปิดตารุ่นนี้มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจเป็นพิเศษ
หลวงพ่อเชิญ ปุญฺญสิริ: พระเถระผู้เป็นที่เคารพแห่งวัดโคกทอง
หลวงพ่อเชิญ ปุญฺญสิริ หรือ พระมงคลวราจารย์ เป็นพระเถระผู้มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาและเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวาง ชีวประวัติ วัตรปฏิบัติ และการสืบทอดวิทยาคมของท่านเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้วัตถุมงคลของท่านเป็นที่ต้องการ
ก. ชีวประวัติ: ชาติภูมิ การบรรพชาอุปสมบท และเส้นทางธรรม
หลวงพ่อเชิญ มีนามเดิมว่า เชิญ กุฎีสุข เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2450 ณ บ้านดงตาล ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง 1 ท่านได้เริ่มต้นการศึกษาเบื้องต้นกับเจ้าอธิการขาบ วัดฤาไชย จนมีความรู้ความสามารถในการอ่านเขียน จากนั้นด้วยความเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร และเฉลียวฉลาด หลวงพ่อขาบจึงนำไปฝากเป็นศิษย์ของพระครูบวรสังฆกิจ (เพิ่ม) วัดโคกทอง เจ้าคณะแขวงเสนา ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2466 โดยมีหลวงพ่อเพิ่มเป็นพระอุปัชฌาย์ 1
ต่อมาท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดโคกทอง เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2470 โดยมีหลวงพ่อขาบ วัดฤาไชย เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระปลัดแจ่ม วัดโคกทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ปุญฺญสิริ" หลวงพ่อเชิญมีความมุ่งมั่นในการศึกษาพระธรรมวินัย จนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอกในปี พ.ศ. 2478 ท่านได้อุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนาและพัฒนาวัดโคกทองมาโดยตลอด จนกระทั่งมรณภาพอย่างสงบเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2543 สิริอายุได้ 92 ปี 284 วัน พรรษา 73 การมีอายุยืนยาวและครองเพศบรรพชิตมาอย่างยาวนานเช่นนี้ ในหมู่ผู้ศรัทธามักมองว่าเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงบุญบารมีและพลังจิตที่สั่งสมมา ซึ่งย่อมส่งผลต่อความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุมงคลที่สร้างในปัจฉิมวัย
การศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมจากครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณธรรมและมีชื่อเสียง เป็นปัจจัยสำคัญที่เสริมสร้างความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ให้แก่วัตถุมงคล หลวงพ่อเชิญได้มีโอกาสศึกษาธรรมและพุทธาคมจากพระเกจิอาจารย์หลายรูป ได้แก่:
หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง: พระอุปัชฌาย์และอาจารย์องค์แรกผู้ถ่ายทอดความรู้พื้นฐานและดูแลท่านมาตั้งแต่เยาว์วัย
หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ: ในปี พ.ศ. 2473 หลวงพ่อเพิ่มได้พาหลวงพ่อเชิญไปฝากตัวเป็นศิษย์ แม้ในขณะนั้นหลวงพ่อกลั่นจะชราภาพมากแล้วก็ตาม
หลวงปู่กล้าย วัดหงส์รัตนาราม: ในปี พ.ศ. 2482 เมื่อหลวงพ่อเชิญเดินทางไปรักษาอาการอาพาธทางตาที่กรุงเทพฯ ท่านได้พักที่วัดหงส์รัตนารามและได้รับการแนะนำวิชาจากหลวงปู่กล้าย
หลวงพ่อจง พุทฺธสโร วัดหน้าต่างนอก: ท่านได้ไปศึกษาด้านกรรมฐานกับหลวงพ่อจง
นอกจากนี้ ในเอกสารบางแหล่ง (เช่น คำอธิบายสินค้าจากผู้ขาย) ยังมีการกล่าวถึงว่าหลวงพ่อเชิญเป็นศิษย์ผู้สืบทอดพุทธาคมจาก หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค การได้ศึกษาจากครูบาอาจารย์หลายท่าน ซึ่งแต่ละท่านก็มีชื่อเสียงและวิทยาคมที่โดดเด่นแตกต่างกันไป ย่อมทำให้หลวงพ่อเชิญได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาอันหลากหลาย อันเป็นที่มาของความเชื่อมั่นในพุทธคุณอันครอบคลุมของวัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้น
หลวงพ่อเชิญได้อุทิศตนในการพัฒนาวัดโคกทองมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ช่วยงานหลวงพ่อเพิ่มในการบูรณะพัฒนาวัดเป็นเวลาหลายปี 1 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางสงฆ์หลายตำแหน่ง เช่น รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโคกทอง (พ.ศ. 2491) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคกทอง (พ.ศ. 2492) เป็นเจ้าคณะตำบลกุฎีและเป็นพระกรรมวาจาจารย์ (พ.ศ. 2505) และเป็นพระอุปัชฌาย์ (พ.ศ. 2509)
ในด้านสมณศักดิ์ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ตามลำดับดังนี้ 1:
พ.ศ. 2474: พระสมุห์ (ฐานานุกรมของพระครูบวรสังฆกิจ (เพิ่ม))
พ.ศ. 2478: พระปลัด (ฐานานุกรมของพระครูบวรสังฆกิจ (เพิ่ม))
5 ธันวาคม พ.ศ. 2511: พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบล ชั้นตรี ที่ "พระครูวิชัยประสิทธิคุณ"
พ.ศ. 2517: พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบล ชั้นโท ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. 2522: พระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบล ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
5 ธันวาคม พ.ศ. 2539: พระราชาคณะยกที่ "พระมงคลวราจารย์" การได้รับสมณศักดิ์ที่สูงขึ้นตามลำดับ ควบคู่ไปกับการศึกษาพระธรรมวินัยจนแตกฉาน (นักธรรมชั้นเอก) และการเป็นผู้นำในการพัฒนาวัด ย่อมสะท้อนถึงคุณธรรม ความรู้ความสามารถ และการเป็นที่ยอมรับในหมู่คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมบารมีและความน่าเชื่อถือในวัตถุมงคลของท่าน
หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาความรู้มากซึ่งหาได้ยากในยุคปัจจุบัน วัตถุมงคลต่างๆ ที่ท่านสร้างและปลุกเสกขึ้นนั้นเชื่อกันว่ามีพุทธานุภาพสูงส่งในทุกๆ ด้าน และจะคงความอมตะศักดิ์สิทธิ์ตลอดไป
พระปิดตายันต์ยุ่งที่สร้างโดยหลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง มีหลายรุ่นและหลายเนื้อหา ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีรายละเอียดและประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ การทำความเข้าใจในรายละเอียดเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาและสะสม
พระปิดตายันต์ยุ่ง รุ่นแรก พ.ศ. 2536
พระปิดตายันต์ยุ่ง รุ่นแรก ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2536 ถือเป็นรุ่นที่ได้รับการกล่าวถึงและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการ
การสร้างและพุทธาภิเษก: แม้รายละเอียดเกี่ยวกับพิธีพุทธาภิเษกโดยละเอียดจะไม่ปรากฏชัดเจนในข้อมูลที่รวบรวมได้ แต่พระรุ่นนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น "รุ่น 1" หรือรุ่นแรกที่สร้างในปี พ.ศ. 2536
เนื้อหา: พระรุ่นนี้มีการจัดสร้างด้วยเนื้อหาที่หลากหลาย ได้แก่:
เนื้อนวโลหะ: เป็นเนื้อที่ได้รับความนิยมและมีการกล่าวถึงบ่อยครั้ง 4 คำว่า "นวโลหะ" หมายถึงโลหะมงคล 9 ชนิด
เนื้อสัมฤทธิ์: มีการบันทึกว่าพระรุ่นแรกปี 2536 นี้มีการสร้างด้วยเนื้อสัมฤทธิ์ด้วยเช่นกัน
เนื้อผงพุทธคุณ: นอกจากเนื้อโลหะแล้ว ยังมีการสร้างพระปิดตายันต์ยุ่งรุ่นแรกปี 2536 ด้วยเนื้อผงพุทธคุณอีกด้วย
เนื้อทองเหลือง: มีข้อมูลระบุถึงการสร้างพระปิดตาปี 2536 ด้วยเนื้อทองเหลือง
ลักษณะทางกายภาพ รายละเอียดยันต์ และขนาด:
คงเอกลักษณ์ของ "ยันต์ยุ่ง" คือมีเส้นยันต์สลับซับซ้อนทั่วองค์พระ
มักได้รับการบรรยายว่ามีสภาพ "พระสวยมากเดิมๆ"
ขนาดของพระรุ่น ๑ เนื้อทองเหลือง ระบุไว้ที่ 1.5 x 2 เซนติเมตร ส่วนพระปิดตายันต์ยุ่งอีกองค์ (ซึ่งอาจเป็นตัวอย่างทั่วไปของพระยันต์ยุ่ง ไม่ได้ระบุว่าเป็นของหลวงพ่อเชิญโดยตรงในบางแหล่ง) มีขนาดหน้าตักกว้าง 1.8 เซนติเมตร สูง 2.0 เซนติเมตร
โค้ดและเครื่องหมายที่เป็นที่รู้จัก:
มีการกล่าวถึง "โค้ดใต้ฐาน" ในพระปิดตายันต์ยุ่งโดยทั่วไป แต่สำหรับพระปิดตายันต์ยุ่งหลวงพ่อเชิญรุ่นปี 2536 โดยเฉพาะนั้น รายละเอียดเกี่ยวกับโค้ดที่ชัดเจน เช่น "โค้ด นะ" ยังไม่เป็นที่ยืนยันแน่ชัดจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิทั้งหมดที่มีอยู่ แม้จะเป็นหัวข้อที่นักสะสมให้ความสนใจก็ตาม 6
กล่องเดิมจากวัด: การมีกล่องเดิมจากวัดมักถูกกล่าวถึงว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระแท้และสมบูรณ์
เสน่ห์อันยั่งยืนแห่งมรดกศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเชิญ
พระปิดตายันต์ยุ่ง หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง ยังคงเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมและเป็นที่แสวงหาอย่างต่อเนื่องในหมู่ผู้ศรัทธาและนักสะสมพระเครื่อง การศึกษาชีวประวัติ วัตรปฏิบัติ และสายวิทยาคมของหลวงพ่อเชิญ 1 ประกอบกับความเข้าใจในความหมายและพุทธคุณของพระปิดตาและยันต์ยุ่ง ช่วยให้เห็นคุณค่าและความสำคัญของพระเครื่องชุดนี้ได้อย่างลึกซึ้ง
รุ่นสำคัญที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ รุ่นแรก พ.ศ. 2536 ซึ่งมีการสร้างด้วยเนื้อหาหลากหลาย เช่น นวโลหะ สัมฤทธิ์ และผงพุทธคุณ 2 รุ่นพระกรุ พ.ศ. 2532 ที่เชื่อกันว่าสร้างด้วยเนื้อนวโลหะ และรุ่น พ.ศ. 2539 พุทธคุณที่เชื่อกันว่ามีอยู่อย่างครบถ้วน ทั้งด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาด คงกระพัน และมหาอุตม์ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พระปิดตารุ่นนี้เป็นที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม ผู้สนใจควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและพิจารณาด้วยความรอบคอบในการเช่าบูชา โดยคำนึงถึงความเป็นของแท้เป็นสำคัญ
พระปิดตายันต์ยุ่ง หลวงพ่อเชิญ เป็นตัวอย่างหนึ่งของวัตถุมงคลที่เชื่อมโยงระหว่างความเชื่อดั้งเดิมกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ การสืบทอดพุทธศิลป์และวิทยาคมจากโบราณจารย์มาสู่การสร้างสรรค์ของหลวงพ่อเชิญ และการเผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆ ในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาที่ไม่เสื่อมคลายในพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์ และความปรารถนาที่จะมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อความสุขความเจริญและความปลอดภัยในชีวิต แม้กาลเวลาจะผ่านไปนับตั้งแต่หลวงพ่อเชิญมรณภาพ แต่ความศรัทธาในบารมีของ