สำหรับพญานาคตามตำนานพญานาค มีอยู่ก่อนสมัยพระพุทธเจ้าแล้ว ดังเช่น หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมพิเศษแล้ว ได้เสด็จไปตามเมืองต่างๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา มีครั้งหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธ ไปยังร่มไม้จิกชื่อ "มุจลินท์" ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุขอยู่ 7 วัน คราวเดียวกันนั้นมีฝนตกพรำๆ ประกอบไปด้วยลมหนาวตลอด 7 วัน ได้มีพญานาคชื่อ "มุจลินท์" เข้ามาวงด้วยขนด 7 รอบพร้อมกับแผ่พังพานปกพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจะป้องกันฝนตกและลมมิให้ถูกพระวรกาย หลังจากฝนหายแล้วคลายขนดออก แปลงเพศเป็นมานพมายืนเฝ้าที่เบื้องพระพักตร์ ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า
ความเชื่อดังกล่าวทำให้ชาวพุทธสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก แต่มักจะสร้างแบบพระนั่งบนตัวพญานาค ซึ่งดูเหมือนว่าเอาพญานาคเป็นบัลลังก์ เพื่อให้เกิดความสง่างาม และทำให้คิดว่า พญานาคคือผู้คุ้มครองพระศาสดา
พญานาค...สะพาน (สายรุ้ง) ที่เชื่อมโลกมนุษย์กับสวรรค์ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ โลกศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อที่ว่า พญานาคกับรุ้งเป็นอันเดียวกัน ก็คือสะพานเชื่อมโลกมนุษย์กับสวรรค์นั่นเอง
นาคสะดุ้ง...ที่ราวบันไดโบสถ์นั้นได้สร้างขึ้นตามความเชื่อถือ "บันไดนาค" ก็ด้วยความเชื่อดังกล่าว แม้ตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ ก็โดยบันไดแก้วมณีสีรุ้ง ที่เทวดาเนรมิตขึ้นและมีพญานาคจำนวน 2 ตนเอาหลังหนุนบันไดไว้
หรือแม้แต่ตุง ของชาวล้านนา และพม่า ก็เชื่อกันว่าคลี่คลายมาจากพญานาค และหมายถึงบันไดสู่สวรรค์
ความเชื่อของชาวฮินดู ก็ถือว่านาคเป็นสะพานเชื่อมภาวะปกติ กับที่สถิตของเทพ ทางเดินสู่วิษณุโลก เช่น ปราสาทนครวัด จึงทำเป็นพญานาคราช ที่ทอดยาวรับมนุษย์ตัวเล็กๆ สู่โลกแห่งความศักดิ์สิทธิ์ หรือก็บั้งไฟของชาวอีสานที่ทำกันในงานประเพณีเดือนหก ก็ยังทำเป็นลวดลาย และเป็นรูปพญานาค พญานาคนั้นจะถูกส่งไปบอกแถนบนฟ้าให้ปล่อยฝนลงมา
กว่าจะได้ร่ำเรียนวิชานะสำเร็จจากพระอาจารย์โต อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีเจริญ จังหวัดสุพรรณบุรี หลวงพ่อน่วมต้องผ่านด่านการทดสอบเพื่อจะก้าวเข้าไปศึกษาในศาสตร์วิชานี้ คือ ห้ามรับประทานอาหารที่เป็นแป้งทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นข้าว หัวเผือก หัวมัน ขนมปัง ผลไม้อย่างมะม่วง ฝรั่ง ข้าวโพด ฉันได้แต่เพียงผักและใบไม้ ผลไม้บางชนิดเท่านั้น แม้กระทั่งเนื้อสัตว์ก็ห้ามฉัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จึงจะได้รับการถ่ายทอดวิชาจากพระอาจารย์โต
นอกจากนั้น หลวงพ่อน่วมต้องฝึกฝนการทำกรรมฐาน ทั้งอาณาปาณสติ หรือการกำหนดลมหายใจ และการฝึกกสิณหมวดต่างๆ จนช่ำชอง และต้องหัดบริกรรมคาถาที่พระอาจารย์โตสอนให้ ต้องท่องจนจำได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งฝึกการเขียนอักขระขอมจนแตกฉาน การฝึกวิชาต่างๆ เหล่านี้กินเวลาหลายปีกว่าจะสำเร็จ วิชาหลักๆ ที่ท่านได้รับการถ่ายทอดมา เช่น การเรียนทำปลัดขิก ซึ่งเป็นสายวิชาจากหลวงพ่ออี๋ที่พระอาจารย์โตท่านสำเร็จ การลงนะมหาสำเร็จ และวิชาปลากัดเรียกลาภ ซึ่งพระอาจารย์โตท่านเชี่ยวชาญเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งวิชาอื่นๆ อีกมาก ทั้งคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม มหาลาภ ท่านก็ล้วนได้รับการถ่ายทอดจากพระอาจารย์โตทั้งสิ้น
หลวงพ่อน่วมในนำวิชาเหล่านี้มาประกอบในการสร้างวัตถุมงคล เพื่อเป็นเครื่องคุ้มครองเหล่าลูกศิษย์ลูกหา และหนึ่งในวัตถุมงคลของหลวงพ่อน่วม คือ เหรียญรูปเหมือนนะสำเร็จหลังยันต์พญานาครักษาทรัพย์ ซึ่งสร้างทั้งหมด 3 เนื้อด้วยกัน คือ เนื้อทองแดง (300 บ.) เนื้อนวโลหะ (500 บ.) และเนื้ออัลปาก้า (400 บ.) เหรียญในรุ่นนี้ได้ทำพิธีปลุกเสก ณ วัดสุทัศนเทพวรารามเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2551 มีพระเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสก เช่น หลวงปู่กาหลง เขี้ยวเพชร หลวงพ่ออั้น วัดโรงโค
พระเครื่องพลาซ่า