ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สิงห์ป้อนเหยื่อให้เสือ

"ประมาณปี พ.ศ. 2482 มีพระภิกษุรูปหนึ่งพายเรือมาขึ้นที่ตลาดอำเภอบางระกำ พอถึงก็นำถังเหล็กขนาดใหญ่ความจุราว 200 ลิตร ที่อยู่ในเรือขึ้นมา ปรากฏว่าภาย ในถังบรรจุพระเครื่องอยู่เต็ม ท่านจึงนำพระทั้งหมดไปฝากไว้กับคหบดีอำเภอบางระกำ แล้วบอกว่า "ขอฝากพระทั้งหมดนี้ไว้ก่อน แล้วจะมารับคืนในภายหลัง"

ท่านคหบดีได้เก็บรักษาพระเครื่องทั้งหมดไว้นานถึง 3 ปี แต่พระภิกษุรูปนั้นก็หาได้กลับมารับพระคืนไม่ ท่านจึงตัดสินใจขนย้ายพระทั้งหมดไปเก็บรักษาไว้ที่วัด ซึ่งน่าจะเป็นการสมควรกว่า โดยฝากไว้กับพระครูสุนทรประดิษฐ์ เจ้าอาวาสวัดสุนทรประดิษฐ์ในสมัยนั้น ประมาณปี พ.ศ. 2485 ท่านพระครูก็ได้นำพระไปเก็บไว้ในบริเวณพระอุโบสถ และในปีนั้นเองได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่น้ำท่วมอุโบสถ จึงทำให้พระเครื่องที่เก็บไว้ถูกน้ำท่วมไปด้วย เมื่อน้ำลดลงจึงปรากฏคราบตะกอนดินจับเต็มองค์พระ แต่ไม่ใช่ในลักษณะคราบกรุ

พระเครื่องเหล่านั้นเริ่มปรากฏสู่สายตาภายนอกเมื่อพ่อค้าไม้รายหนึ่งเดินทางไปทำงาน แล้วแวะที่อุโบสถวัดสุนทรประดิษฐ์ จึงนำพระออกมาให้เช่าที่ จ.พิษณุโลก ในสนน ราคาที่สูงพอสมควรในสมัยนั้น ปรากฏว่าผู้ที่เช่าบูชาไปประจักษ์ในพุทธานุภาพ ความต้อง การจึงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จำนวนพระเริ่มร่อยหรอลง ท่านเจ้าอาวาสจึงได้นำพระส่วนหนึ่งเก็บซ่อนไว้ แต่ก็ถูกขโมยไปจนหมดในที่สุด"

"ฝักไม้ดำ" ลักษณะเป็นพระพิมพ์ใหญ่ เนื้อผง มีหลายสี ทั้งสีดำ น้ำตาล ขาว และเขียว ด้านหน้าพระประธานแสดงปางลีลา ล้อมรอบด้วยอักขระขอมที่แสดงถึงพระพุทธคุณมากมาย มุมทั้ง 4 ขององค์พระอ่านว่า "นะ มะ พะ ทะ" ส่วนด้านหลังด้านบนมีอักขระขอมว่า "มะ อุ อะ" ตอนกลางมีองค์พระประทับนั่ง 3 องค์ ซ้ายสุดปางสมาธิ องค์กลางปางมารวิชัย และขวาสุดประทับนั่งประนมมือ ถัดลงมาเป็นอักขระขอมว่า "นะ ปะ ทะ อะ ระ หัง" ล่างสุดเป็นรูป "สิงห์ป้อนเหยื่อให้เสือ" อันอาจเป็นที่มาของฉายา "สิงห์ป้อนเหยื่อ" ก็เป็นได้

"ฝักไม้ขาว" จะเป็นพระที่มีขนาดย่อมลงมา ส่วนใหญ่จะมีคราบผิว เนื้อฟู และบางส่วนแตกปริจากการถูกน้ำท่วม พุทธลักษณะขององค์พระมีหลายแบบ ทั้งประทับนั่งและประทับยืน

พิจารณาจากอักขระขอมที่ผู้สร้างบรรจงสร้างสรรค์ลงในองค์พระ ย่อมเป็นที่ประจักษ์ถึงความเพียบพร้อมครบครันของ "ฝักไม้ดำ" และ "ฝักไม้ขาว" ทั้งเจริญรุ่งเรือง เมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี แม้ราชสีห์ที่ว่าโหดร้ายยังศิโรราบต่อเมตตาธรรมยอมป้อนเหยื่อให้กับเสือซึ่งเป็นศัตรู จึงนับเป็นที่แสวงหาของนักนิยมสะสมอย่างมาก ยิ่งในสมัยนั้นเหล่าบรรดาทหารหาญต่างพากันดั้นด้นไป อ.บางระกำ เพื่อแสวงหาไว้เป็นเกราะเพชรคุ้มภัยต่างๆ ซึ่งการเดินทางก็เรียกได้ว่า "ระกำ" สมชื่อจริงๆ

แม้แต่ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม ยังนำ "สิงห์ป้อนเหยื่อ" มาบรรจุตลับฝังเพชรและอาราธนาติดตัวตลอดเวลาครับผม
"สิงห์ป้อนเหยื่อ" เป็นฉายาของพระเครื่องพิมพ์หนึ่งของอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ชาวบ้านมักเรียกกันว่า "ฝักไม้ดำ" และ "ฝักไม้ขาว"

พระเครื่องพิมพ์นี้ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด มีเพียงเรื่องเล่าขานกันต่อมาถึงที่ไปที่มาว่า...

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พระลือโขง กรุวัดกู่เหล็ก ลำพูน องค์แชมป์กรุ โดยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์

เครดิตภาพ: thairath.co.th พระเครื่ององค์แรกคือ พระลือโขงหรือพระฤาโขง สุดยอดพระเครื่องเมืองเหนือที่มีชื่อเสียงมาก ด้านความอลังการของ พุทธศิลป์หริภุญไชย ที่มีอิทธิพลศิลปะพม่า (พุกาม) ผสม..... พระสมเด็จอรหัง พิมพ์เล็ก หลังจาร วัดมหาธาตุ กทม. องค์คะแนน ของซุป เตาปูน. ลักษณะเป็นพระพิมพ์เนื้อดินเผาขนาดเขื่อง (ใหญ่กว่าพระคง, พระลือ) องค์พระประทับนั่งปางมารวิชัยภายในซุ้มเรือนแก้ว เหนือฐานบัว 2 ชั้น พระพักตร์ ปรากฏรายละเอียด หู ตา จมูก ปาก ครบสมบูรณ์ และชัดเจน อ่อนช้อยงดงาม เหมือนแย้มยิ้ม ..... ระยะแรกที่พบพระ ในกรุ วัดกู่เหล็ก ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังวัดประตูลี้ (ที่พบพระฤา, พระเลี่ยง) ชาวถิ่นคิดว่าเป็น รูปจำลองพระนางจามเทวี จึงนิยมเรียกกันว่า "พระนางจามเทวี ซุ้มเรือนแก้ว"..... แต่จำนวนพระมีน้อยมาก เพราะถูกนักนิยมพระเจ้าถิ่นเช่าตัดตอนเก็บไว้หมด ทำให้พระไม่แพร่หลาย ไม่ค่อยมีใครได้เห็นพระแท้องค์จริงมากนัก มีแต่เสียงร่ำลือถึงความงดงามว่าเทียบเคียงกับ พระรอด..... กระทั่งราวๆปี 2511 ก็มีการค้นพบพระพิมพ์นี้จากที่เดิมอีกครั้งใหญ่ แต่คัดแล้วได้พระสภาพสมบูรณ์เพียงแค่หลัก

พระกริ่งเชียงตุง 2486 วัดสุทัศน์

พระกริ่งเชียงตุง 2486 วัดสุทัศน์ ขอบคุณภาพจาก แดน ท่าพระจันทร์ สมเด็จพระสังฆราช(แพ) องค์อมตะเถราจารย์แห่งสำนักวัดสุทัศน์เทพวราราม ซึ่งเป็นองค์ปรมาจารย์ในเรื่องการสร้างพระกริ่งแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ท่านได้สถาปนาพระกริ่งรุ่นแรก เทพโมลี พ.ศ.2441 จนถึงรุ่นสุดท้าย เชียงตุง พ.ศ.2486 รวมเวลาได้ 45 ปี

หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน งานจิวเวลรี่ พิมพ์เหมือนจริง รุ่นพระพิจิตร

  วัตถุมงคลหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน งานจิวเวลรี่ พิมพ์เหมือนจริง หลวงพ่อเงิน บางคลาน รุ่นพระพิจิตร จัดสร้างเป็นครั้งแรก ในรูปแบบงานจิวเวลรี่เป็นความงดงามตามแบบพิมพ์ฝีมือช่างปั้นได้ละม้ายคล้าย หลวงพ่อเงิน มากที่สุดโดยเฉพาะตาลปัตรซึ่งนับเป็นเอกลักษณ์ของท่าน ด้านหลังพระจารึกมหายันต์ นับเงิน และยันต์หัวใจ พระไตรปิฎก ทั้งที่ได้จัดสร้างจากชนวนศักดิ์สิทธิ์ ทองคำหนัก 65 บาท เงินบริสุทธิ์หนัก 16 กิโลกรัม นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเททอง ในวันเพ็ญเดือน 12 ที่ผ่านมา ณพระอุโบสถหลวงพ่อเพชร จังหวัดพิจิตร โดยพระผู้ทรงวิทยาคมคูณ 25 รูป หลังจากนั้นได้นำไปรีดเป็นแผ่น จานมหายันต์ตาม ตำรับหลวงพ่อเงิน อาชิ ยันต์พระเจ้าห้าพระพุทธ ยันต์นะเงิน ยันต์หัวใจพระสิวลีมหาลาภเป็นต้น ทั้งนี้ทางวัดได้นำไปเป็นจำนวนจัดสร้างหลวงพ่อเงินในรูปแบบจิวเวลรี่ เนื้อทองคำขัดเงา เนื้อเงินชุบสามกษัตริย์ เนื้อเงินพ่นทรายขัดเงา เนื้อนวะแก่ทองคำ ที่สำคัญพระรุ่นนี้มีหมายเลขและโค้ดกำกับทุกองค์ ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ.อารามศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองพิจิตร 2 แห่ง คือ ที่อุโบสถวัดบางคลาน และอุโบสถหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง นับเป็นวัตถุมงคลที่งดงาม มีพุทธ

เหรียญพระมหาพุทธพิมพ์ ปี 2461 วัดไชโยวรวิหาร

เหรียญพระมหาพุทธพิมพ์ ปี 2461 วัดไชโยวรวิหาร ที่มา:คอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง ราม วัชรประดิษฐ์ เหรียญพระมหาพุทธพิมพ์ ปี 2461 วัดไชโยวรวิหาร เหรียญ พระเครื่องในประเทศไทยนั้นมีการสร้างกันมากมายทั้งเหรียญพระพุทธและเหรียญ พระสงฆ์ ด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไปตามเจตนารมณ์ของผู้จัดสร้าง อาทิ พระเกจิคณาจารย์จัดสร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายลูกศิษย์ลูกหา หรือเพื่อหาทุนทรัพย์บูรณปฏิสังขรณ์ศาสนวัตถุต่างๆ ฯลฯ บางทีก็เป็นฆราวาสที่สร้างถวายวัดเพื่อการต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามวัตถุประสงค์หลักก็คือ การสืบสานพระพุทธศาสนา เหรียญพระเครื่องจึงเกิดขึ้นมากมายมาแต่ครั้งโบราณกาลจวบจนปัจจุบัน ดังนั้นการที่จะคัดเลือกเหรียญระดับยอดนิยมจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างเช่น เหรียญพระมหาพุทธพิมพ์ วัดไชโยวรวิหาร ครับผม

พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ รุ่น คูณลาภ หลวงพ่อคูณ

พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์  รุ่น คูณลาภ หลวงพ่อคูณ พระกริ่งหลวงพ่อคูณ จากคุณ สิงห์เหนือ_เขลางค์ สุดยอดแห่งพระกริ่งพระชัยวัฒน์ รุ่น คูณลาภ ที่พระเดชพระคุณพระญาณวิทยาคมเถร (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ประธานเททอง และปลุกเสกพระเครื่องเดี่ยว เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2535 ณ.วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมาพระกริ่ง หลวงพ่อคูณ