พระสมเด็จสะทานเพชร
คอลัมน์ เปิดตลับพระใหม่
ในวาระดิถีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พุทธศักราช 2553 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระสมเด็จให้สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช มอบให้พุทธศาสนิกชน ที่เข้ามาถวายพระ พรแด่พระองค์ท่าน คือ "พระสมเด็จ สะทานเพชร"
พระสมเด็จรุ่นนี้สร้างขึ้นเป็นพิเศษ มีความงดงามด้านศิลปะและผงพุทธคุณอันศักดิ์สิทธิ์หลายประการ
ด้านหน้า เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องพระจักรพรรดิ ศิลปะรัตนโกสินทร์ประยุกต์ ปางมารวิชัย พระหัตถ์ถือวัชระ มุมด้านบนจารึกอักษรขอม อ่านว่า "อรหัง" ฐานด้านล่างจารึกพระนามสมเด็จพระญาณสังวร
ด้านหลัง ประดิษฐานตรา 8 รอบ 96 พรรษา
พระนามของพระสมเด็จสะทานเพชรนี้ได้มาจากสูตรทำพระผงโบราณ เมื่อประมาณ 450 ปีมาแล้ว ซึ่งเป็นสูตรของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายอรัญวาสี 2 พระองค์ คือ พระสังฆราชสุมังคลาโพธิวิริยะเจ้า (พ.ศ.2106) และพระมหาอินทรวัชสังวรเจ้า (พ.ศ.2115) ณ วัดถ้ำสุวรรณคูหา เป็นพระมหาเถระเจ้าของเมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน หรือ จ.หนองบัวลำภู ในปัจจุบัน
ซึ่งได้มีพระธุดงคกัมมัฏฐานนำมามอบให้สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช พร้อมกับผงพระพุทธคุณสะทานเพชรจากถ้ำสุวรรณคูหา เพื่อเป็นส่วนผสมของพระสมเด็จสะทานเพชรที่ประทานแก่พุทธศาสนิกชนในครั้งนี้
ส่วนผสมอื่นๆ ของพระสมเด็จสะทานเพชร เช่น ผงพุทธคุณจากถ้ำตะโกพุทธโสภา เขาสมอคอน จ.ลพบุรี อันเป็นถ้ำบำเพ็ญเพียรของสุกทันตฤๅษี ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพ่อขุนรามคำแหง พ่อขุนเม็งราย และพ่อขุนงำเมือง เมื่อหลายร้อยปีก่อน
ผงดอกมณฑาทิพย์จากวัดไลย์ จ.ลพบุรี ผงพุทธคุณจากพระผงเก่าที่ชำรุด เช่น พระผงสมเด็จวัดระฆัง พระผงสมเด็จบางขุนพรหม พระผงสมเด็จกลีบบัว พระผงสมเด็จอรหัง และผงพระพุทธคุณจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกหลายรูป
พระสมเด็จสะทานเพชรเป็นพระผงมี 2 ขนาด คือ พิมพ์เล็ก เป็นพระผงของขวัญขนาดกว้าง 19 เซนติ เมตร ยาว 25 เซนติเมตร และหนา 5 เซนติ เมตร และพิมพ์ใหญ่เท่ากับพระสมเด็จวัดระฆัง คือ ขนาด 25 เซนติเมตร ยาว 35 เซนติเมตร และหนา 5 เซนติเมตร
จำนวนสร้างพิมพ์ละ 84,000 องค์เท่ากับพระธรรมขันธ์
ประกอบพิธีพุทธาภิเษกในโอกาสต่างๆ หลายครั้ง ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร
มอบให้พุทธศาสนิกชนที่เข้ามาถวายพระพรแด่สมเด็จพระสังฆราช แบ่งเป็น 2 แห่ง คือ ที่วัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ และที่ชั้น 6 อาคารสามัคคีพยาบาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
เริ่มประทานพระสมเด็จสะทานเพชร ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2553
ถือเป็นของขวัญอันล้ำค่าและเป็นมงคลยิ่งแด่คนไทย
ศูนย์จองพระเครื่อง