เหรียญ “มหาโภคทรัพย์” ความเมตตาเป็นบ่อเกิดแห่งโภคทรัพย์ทั้งปวง




เหรียญ “มหาโภคทรัพย์” ความเมตตาเป็นบ่อเกิดแห่งโภคทรัพย์ทั้งปวง

หลวงพ่อสาคร มนุญฺโญ วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

“ความเมตตา” คือสภาวะของจิตใจที่มีเยื่อใยไมตรีจิตมิตรใจ คิดเกื้อกูลด้วยสุขประโยชน์ ปราศจากอาฆาตพยาบาทโกรธแค้น แสดงออกทางสีหน้าและสายตาที่สงบแช่มชื่น มองด้วยสายตาอันแสดงถึงความปรารถนาดีให้มีความสุข ปราศจากความมุ่งร้ายที่เป็นเวรเป็นภัยต่อกันทั้งปวง นี่เป็นความหมายที่กล่าวถึงคุณลักษณะของความเมตตานั่นเอง

ในวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ที่จะถึงนี้ “พระครูมนูญธรรมวัตร” หรือ “หลวงพ่อสาคร มนุญฺโญ” วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศิษย์ผู้สืบสานพุทธาคมจากหลวงปู่ทิม อิสริโก จะมีอายุครบ ๗๓ ปี ทางคณะกรรมการวัดหนองกรับและศิษยานุศิษย์ได้ขออนุญาตหลวงพ่อสาครจัดสร้างเหรียญรูปเหมือนขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาทุนทรัพย์ก่อสร้างกำแพงรอบวัดหนองกรับให้แล้วเสร็จ หลวงพ่อสาครได้ให้ชื่อเหรียญรุ่นนี้ว่า “มหาโภคทรัพย์” อันเป็นชื่อที่ให้ความบริบูรณ์ในด้านทรัพย์สินเงินทองและเป็นมงคลอย่างยิ่ง โดยมีลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่แบบผลมะตูม มีขั้วอยู่ที่ห่วงเหรียญสื่อถึงความหมายของการออกดอกออกผลเป็นผลสำเร็จ ตรงกลางเป็นรูปเหมือนเต็มองค์หลวงพ่อสาครในอิริยาบถนั่งขัดสมาธิบนโต๊ะขาสิงห์ ด้านบนเขียนว่า “มหาโภคทรัพย์” ด้านล่างเป็นลวดลายรองรับในชั้นล่าง
ส่วนด้านหลัง บรรจุอักขระยันต์ครูตามแบบหลวงปู่ทิม อิสริโก เป็นประธาน หลวงพ่อสาครท่านได้กำหนดให้อักขระล้อมรอบชั้นในและชั้นนอก ดังนี้ “ปิโยเทวะมนุสสานัง ปิโยพรหมานะมุตตะโม ปิโยนาคะสุปัณณานัง ปิยินทรียังนะมามิหัง” แปลว่า “ผู้เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นที่สูงสุดของพรหมทั้งหลาย เป็นที่รักตลอดไปถึงดิรัจฉานมีนาคและครุฑเป็นอาทิ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าผู้มีอินทรีย์อิ่มพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า” พระคาถานี้ถือว่าเป็นสุดยอดทางเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ แฝงคติทางพระพุทธศาสนาที่สื่อถึงความหมายแห่งการสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าอันเป็นที่รักแห่งชนทั้งปวง ด้วยว่าเป็นพุทธคุณบทเมตตาอันล้ำเลิศในพระคาถาอิติปิโสรัตนมาลา เหล่าพระคณาจารย์ทั้งหลายหากจะหวังผลในทางเมตตามหานิยมต้องใช้กำกับเสมอ พระคาถานี้มีชื่อว่า “ดอกไม้สวรรค์” เป็นพระคาถาบท “ปิ” เป็นหนึ่งในบท “อิติปิโสรัตนมาลา” ซึ่งพรรณนาคุณแห่งพระรัตนตรัยที่แจกแจงออกไปตามอักขระอย่างลึกซึ้ง แล้วร้อยกรองเข้าไว้ด้วยกันดุจพวงมาลา ซึ่งมีมาแต่โบราณกาล สืบทอดกันมาช้านาน

ส่วนที่เป็นคาถาวงในนั้นประกอบด้วยด้านบนคือ อ่านว่า “นะชาลีติ” เป็นคาถาหัวใจพระสีวลี พระสีวลีเป็นพระมหาเถระในครั้งพุทธกาลที่ได้รับการรับรองจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “เป็นเอตทัคคะในทางผู้มีลาภมาก” คำว่าเอตทัคคะแปลว่าเป็นเลิศ ดังนั้นพระสีวลีเถระจึงเป็นพระอรหันต์ผู้เป็นเลิศด้านมีลาภมากนั่นเอง แม้แต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงกล่าวว่า “ยกเว้นแต่พระตถาคตเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดจะเลิศด้วยลาภเหมือนพระสิวลีเถรเจ้า” ดังนั้นพระคาถาหัวใจพระสีวลีจึงโดดเด่นในเรื่องโชคลาภโภคทรัพย์ พระคาถาบทต่อกันมาเป็นคาถา “มงกุฎพระพุทธเจ้า” โบราณจารย์แต่เก่าก่อนท่านว่ามีพุทธคุณครอบจักรวาลโดดเด่นดีทุกด้านทุกทาง อ่านว่า “อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ” ความหมายคือ “ขออัญเชิญคุณแห่งพระพุทธเจ้าอันวิเศษ คุณแห่งกระแสพระนิพพานอันประเสริฐ ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสรรเสริญแล้ว จงเป็นมหาวิภูษิตาภรณ์ประดับด้วย มงกุฎทิพย์และเครื่องทรงแห่งพระเจ้ามหาจักรพรรดิ ครอบคลุมข้าพเจ้าตลอดกาลทุกเมื่อเทอญ” หากรวมคุณวิเศษแห่งอักขระทั้งปวงแล้วต้องถือได้ว่าครบถ้วนครอบคลุมให้คุณวิเศษในทุกด้านอย่างบริบูรณ์เลยทีเดียว

ศูนย์จองพระเครื่อง